เวลา&ความสุข

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วันแห่งความรัก



       
 วันวาเลนไทน์     นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณี อย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยัง สืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็ก ๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการ ที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุด





ของขวัญวันวาเลนไทน์

    ดอกไม้ ให้ความหมายของการบอกรักได้ดีที่สุด ที่ฮิตสุดเห็นจะเป็น
- กุหลาบแดง หมายถึง ความรักและความปรารถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ เป็นสิ่งนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับ
- กุหลาบขาว หมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ ความเงียบสงบ และนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับเช่นเดียวกับดอกกุหลาบแดง
- กุหลาบสีชมพู หมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์ที่สุด
- กุหลาบสีเหลืองหรือสีส้ม หมายถึง ความรักร้อนแรงและยาวนาน ไม่จืดจาง หวานชื่น และมีความสุข
- กุหลาบตูม หมายถึง ความรักและความเยาว์วัย
- กุหลาบบาน หมายถึง ความรักที่กำลังเบ่งบาน ความอ่อนหวาน สดชื่น





ฮวงจุ้ย....เสริมรัก



ฮวงจุ้ย...เสริมเลิฟ


1. ค้นหาตำแหน่งความสัมพันธ์
มันควรจะเป็นตำแหน่งที่อยู่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของห้องนอน ในมุมนี้ให้กำจัดแมกกาซีนเก่า ๆ ผ้าที่ยังไม่ได้ซักกองอยู่ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่เกะกะรกรุงรัง แต่มันยังเป็นอุปสรรคชีวิตรักของคุณ ลองทำมุมนี้ให้สะอาด เป็นมุมที่คุณจุดเตาอะโรมาหยดกลิ่นวานิลาลงไป เชื่อว่ากลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้มีความใกล้ชิดกันทางกายเพิ่มมากขึ้น

2. ตกแต่งเป็นคู่
เรากำลังพูดถึงเก้าอี้ หมอน สิ่งของอย่างตุ๊กตา เอาเทียนอะโรมาที่คุณวางไว้อย่างโดดเดี่ยวอันเดียวออกซะ แล้วเปลี่ยนเป็นเทียนหอมคู่สีชมพูที่วางไว้คนละมุมของหัวเตียง เพื่อเพิ่มความร้อนแรงให้กับคู่รักที่นอนอยู่บนเตียงระหว่างเทียน 2 เล่มนี้ สีชมพูเป็นสีแห่งความโรแมนติก หลีกเลี่ยงสีพีชนอกเสียจากว่าคุณต้องการที่จะโดนทิ้ง เพราะสีนี้เป็นสีที่จะเชื้อเชิญคนรักเข้ามาในชีวิตแต่มันไม่ช่วยให้คุณอยู่กับเขาได้นาน

3. เอาของหนักออกไป
อุปกรณ์ออกกำลังกายทั้งหลายอันหนักอึ้งและคอมพิวเตอร์จะหมายถึงงานหนักและการต้องเสียแรงในชีวิตรัก ทำให้ชีวิตรักมีแต่เรื่องหนัก ๆ อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ควรวางไว้ในห้องนอน ถ้าคุณอยากให้ชีวิตรักของคุณเป็นเรื่องเบาๆ ต้องอย่าเอาเรื่องงานและเรื่องยิมมาอยู่ในห้องนอน

4. เช็ควิวจากมุมที่นอน
เตียงของคุณไม่ควรหันหน้าไปทางหน้าต่างหรือประตู และต้องแน่ใจด้วยนะว่าฝั่งหัวเตียงของคุณเป็นผนังหรือมีหัวเตียงที่แน่นหนา จะช่วยให้อารมณ์มั่นคงขึ้น ไม่ทะเลาะกันจนกระทั่งเตียงหัก และถ้าอยากเพิ่มแรปรารถนาให้แก่กันและกันแบบไฟติดพรึ่บพรั่บลองหาม่านลูกปัดมาแขวนที่ประตูห้องนอน และน่าจะมีแจกันใส่ดอกไม้สด ๆ โดยเฉพาะดอกกล้วยไม้จะมีพลังเสริมทางเพศให้ไฟรักลุงโชน







ที่มา...http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tikthinkthong&date=01-02-2007&group=6&gblog=5

" น้ำผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพ "



ส่วนประกอบ
1.สัปปะรดปอกเปลือกและตาสัปปะรดออกใช้ประมาณ 1/4 ลูก
2.แอ๊ปเปิ้ลหั่นเป็นชิ้นๆ 2 ลูก
3.องุ่นไร้เมล็ดประมาณ 15 ลูก
4.กีวี 2 ลูก
5.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
6.น้ำเชื่อม 1/4 ถ้วย
7.น้ำแข็ง 3 ถ้วยตวง
8.น้ำเปล่า 1 ถ้วย
9.เกลือป่นนิดหน่อย
วิธีทำ
        นำทั้งหมดข้างต้น แบ่งส่วนปั่น 2 หรือ 3 ครั้ง เวลาปั่นให้ปั่นผลไม้กับ น้ำเชื่อมและน้ำเปล่าก่อนค่อย
ใส่น้ำแข็งลงไปปั่น จากนั้นก็ชิมเอาที่รสชาติที่ชอบ

ที่มา..
http://www.fruit-fruit.ob.tc/fruit61.html

ผลไม้มงคล



1. ลำไย เป็นผลไม้มงคล ซึ่งคนจีนบางกลุ่มนำไปใช้ร่วมกับพิธีการสูง เพราะเชื่อกันว่า เป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความหวานชื่น สำหรับหนุ่มสาวในงานพิธีมงคลนั้นๆ ลำไยภาาจีนแปลว่า ดวงตามังกร ซึ่งมังกรเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องเต้เมืองจีน ดังนั้นหมายถึง ความเป็นผู้ที่มีอำนาจ เป็นผู้นำปวงชน และเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือ ฉะนั้น ลำไยคือผลไม้มงคลที่เชื่อว่า เป็นตัวแทนแห่งความรัก ความเป็นผู้นำ และความมีอำนาจวาสนา
 2. ลิ้นจี่ เป็นผลไม้ชั้นสูงของคนจีนมาเป็นเวลานานแล้ว มีเรื่องเล่ากันว่า ฮ่องเต้ของเมืองจีนในสมัยหนึ่ง ต้องให้ทหารผู้ที่ดูแลพระองค์จัดหาลิ้นจี่น ผิวสวยสีแดงสด เพื่อนำไปถวายพระมารดา และพระมเหสีของพระองค์เป็นประจำ จึงเกิดการแพร่หลายไปในขุนนางชั้นสูงต่อกัน จนเป็นที่รู้กันทั่วไป เพราะผลที่มีสีแดงของลิ้นจี่นี่เอง ทำให้เป็นที่นิยมนำลิ้นจี่ไปใช้ในงานมงคล ฉะนั้น ลิ้นจี่คือผลไม้ที่มีสีแดงสด ซึ่งคนจีนถือว่าเป็นสีแห่งความเป็นสิริมงคง
 3. สับปะรด เป็นผลไม้มงคล ที่คนนิยมนำไปไหว้ในพิธีการต่างๆ เชื่อกันว่าจะทำให้เกิดความรอบคอบ รอบรู้ในสิ่งต่างๆ ดูแลกิจการงานได้ทั่วถึง สายตากว้างไกล ประดุจดั่งสับปัรดที่มีดวงตารอบตัว ฉะนั้น สับปะรดคือผลไม้แห่งความมงคลที่เชื่อถือว่า เป็นตัวแทนแห่งความรอบคอบ รอบรู้ สายตากว้างไกล
 4. กล้วย เป็นผลไม้มงคลแห่งการแตกหน่อ แตกสาขา ซึ่งในธรรมชาติของต้นกล้วยนั้น สามารถแตกหน่อไปได้เรื่อยๆ โดยไม่มีวันจบ กล้วยยังเป็นผลไม้แห่งการเชื่อถือในด้านการ มีบริวารมากมาย เฉกเช่นเดียวกับกล้วย 1 เครือที่มีลูกเป็นจำนวนมาก บางคนนิยมรับประทานกล้วยที่มีผลแฝดคู่กัน เพื่อจะได้มีลูกที่คลอดออกมาเป็นลูกแฝด ฉะนั้น กล้วยคือผลไม้มงคล ที่เชื่อว่าเป็นตัวแทนแห่งการขยายสาขา กิจการ การมีบุตรสืบสกุล มีบริวารมาก
 5. ทุเรียน เป็นผลไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์ในตัวเองมาก มีเนื้อในที่สวยงาม สีเหลืองดั่งทองคำ ด้วยความฉลาดหลักแหลมของธรรมชาติ จึงได้สร้างเกราะคุ้มกันเนื้อในสีทอง โดยการสร้างหนามแหลมคมรอบตัว เพื่อป้องกันสัตว์ร้ายต่างๆ มารบกวน ฉะนั้น ทุเรียนจึงเป็นผลไม้มงคลที่ชื่อว่า เป็นตัวแทนของความฉลาดหลักแหลม เข้มแข็ง สามารถป้องกันตนเองได้

ที่มา...http://www.fruit-fruit.ob.tc/fruit5.html

ดอกไม้>>ทายใจ


ดอกไม้ สิ่งที่บอกตัวตนของคุณได้ในทุกๆเรื่องๆ หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าจริงๆแล้ว ดอกไม้แต่ละชนิดนั้นมีความหมายอยู่ในตัวเองมัน และคุณคงอยากรู้ว่าใครชอบดอกอะไร และมีความหมายอย่างไรแน่นอน...ใช่มั้ยคะ 

     ดอกเบญจมาศ สื่อความหมายของคำว่า “ รักแท้ ” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดอกสีขาว ซึ่งคนญี่ปุ่นจะถือว่าดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้อันสูงศักดิ์และทรงเกียรติ 

     ดอกโบตั๋นแคระ หมายถึง ตัวแทนของหญิงที่มีความสง่างาม 

     ดอกลิลลี่ ดอกลิลลี่นับเป็นดอกไม้ดอกหนึ่งที่แก่ที่สุดในโลก เคยถูกพบเป็นภาพวาดบนฝาผนังและกำแพงในราชสำนักกรีกโบราณ เป็นดอกไม้ที่แทนถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ดังนั้น..... ในพิธีแต่งงานโดยมาก ดอกไม้ในมือเจ้าสาวมักจะต้องมีลิลลี่แซมอยู่เสมอ 

     ดอกกุหลาบ หมายถึง “ ความรัก ” ซึ่งกุหลาบแต่ละสีจะบ่งบอกความรักในแง่มุมที่แตกต่างกัน เช่น ดอกกุหลาบสีแดง หมายถึง รักแท้ที่ร้อนแรง ดอกกุหลาบสีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ซึ่งไม่หวังสิ่งตอบแทน ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึง ตัวแทนความห่วงใยและกำลังใจ เอาไว้จะมาเล่าถึงความหมายของแต่ละสีอีกทีเอนทรี่หน้าแล้วกัน เดี่ยวหมดเรื่องอัพ อิอิ 

     ดอกทานตะวัน หมายถึง ความหวัง ความภูมิใจ และความหยิ่งยโส 

     ดอกเดซี่ ได้ชื่อว่าเป็นดอกแห่งความทรงจำในวัยเด็กของชาวตะวันตก ไม่ว่าจะนำดอกเดซี่มาทำเป็นสร้อยคอหรือสวมหัวเล่นนอกจากนั้นเด็กๆ ยังมีวิธีเล่นที่สื่อถึงความไร้เดียงสาน่ารัก คือการ..... หลับตาหยิบดอกไม้ แล้วลืมตานับจำนวนดอกเดซี่ ซึ่งตัวเลขจำนวนนั้นจะถือว่าเป็นอายุก่อนที่จะแต่งงาน และทำนายรัก..ไม่รักโดยการเด็ดกลีบของเดซี่ทีละกลับ ดอกเดซี่จึงหมายถึงความไร้เดียงสา และความบริสุทธิ์ 

     ดอกทิวลิป หมายถึง การบอกรักให้อีกฝ่ายรับรู้ ดอกทิวลิปสีเหลือง หมายถึง ความรักที่สิ้นหวัง ดอกทิวลิปสีแดง หมายถึง คำสารภาพรัก ดอกทิวลิปนี่ก็เป็นอีกชนิดนึงที่แต่ละสีบ่งบอกความรักที่ต่างกัน อย่างสีแดงบอกถึงรักนิรันดร์ ไว้เอนทรี่หน้าเนอะ อิอิ 

     ดอกบัวสาย .... ดอกไม้ไทย ๆ เรานี่เอง หรือที่เรียกว่า Water Lily เป็นไม้น้ำชนิดหนึ่งที่มีมาแต่โบราณ และยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของอิปต์ด้วย โดยให้ควาหมายถึงความบริสุทธิ์แห่งจิตใจ 

     ต้นไอวี่ หมายถึง การมีรักเดียวใจเดียว ดอกไอวี่ Ivy .... "แต่งงานกันเถอะ" แต่ถ้าเป็น ดอกไอวี่สีเหลือง Yellow Ivy "ฉันหลงไหลในตัวคุณ" 

     ดอกฟอร์เก็ตมีน็อต (Forget-Me-Not) มาจากตำนานเล่าขานที่ว่ากาลครั้งหนึ่งมีอัศวินหนุ่มในชุดเกราะกำลังเดินเล่นที่ริมลำธารกับหญิงที่รัก สาวเจ้าเห็นดอกไม้ที่ริมตลิ่งชูช่อสวยงามอยู่ ก็เกิดความอยากได้ขึ้นมาและขอให้อัศวินเก็บให้ 

    ขณะที่กำลังเอื้อมมือคว้าดอกไม้นั้นอัศวินกลับเกิดเสียหลักลื่นตกลงไปในลำธาร ชุดเกราะที่แสนหนักหน่วงจึงถ่วงให้เขาไม่สามารถจะว่ายน้ำได้ เขาจึงโยนดอกไม้ดอกนั้นให้กับเธอพร้อมกับตะโกนว่า Forget-Me-Not และจมหายไปต่อหน้าต่อตา หญิงสาวผู้นั้นไม่เคยลืมเขาเลยและให้ชื่อดอกไม้นั้นว่าดอก Forget-Me-Not ดอกไม้นี้จึงเป็นตัวแทนของรักแท้ และความทรงจำแห่งความรัก
 

ข้อมูลจาก : Wedding Studio






วิธีลดน้ำหนัก/วิธีลดความอ้วน




1.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่พยามยามลดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล และไขมัน และไม่ควรงดมื้อใดมื้อหนึ่ง เพราะ อาจทำให้คุณรับประทานอาหารมื้อถัดไปมากขึ้น ที่สำคัญควรรับประทานประเภทผักใบเขียว เพราะจะมีใยอาหาร อยู่มาก
2.พยายามดื่มน้ำก่อนอาหาร เพื่อถ่วงกระเพาะอาหาร ซึ่งจะทำให้ทานอาหารได้น้อยลง หรือเลือกรับประทาน ใยอาหาร ก่อนอาหาร ประมาณครั้งชั่วโมงแทน
3.เพื่อผลทางจิตวิทยา ควรใช้ภาชนะเล็กลง โดยมีปริมาณอาหารเท่าเดิมเพื่อให้ดูว่ามีอาหารมากขึ้น และควรใช้ ช้อน ขนาดเล็กเพื่อจะได้รับประทานช้าลง ที่สำคัญควรฝึกเคี้ยวช้า ๆ จะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง และรู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น
4.หาเวลาออกกำลังกายที่เหมาะสมมากขึ้น มักมีความเชื่อผิด ๆ กันว่า การออกกำลังกายมากขึ้นจะทำให้หิวเร็ว และ รับประทาน อาหารมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่ไม่ได้ออกกำลังกายจะทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย จึงมักขจัด ความเบื่อนี้ ด้วยการรับประทาน การออกกำลังกายจึงเป็นวิธีช่วยลดความเบื่อหน่าย และเพิ่มการใช้พลังงาน เพื่อเผาผลาญ ไขมันสะสม ให้ลดน้อยลง
5.สร้างสิ่งจูงใจ หรือทัศนคติดี ๆ ต่อพฤติกรรมใหม่ ๆ เช่น การเขียนข้อความเกี่ยวกับการลดความอ้วน หรือชุดสวย ๆ ในสมัยก่อนที่เคยใส่ได้ เพื่อให้เห็นถึงเป้าหมาย และสามารถกระตุ้นหรือจูงใจให้มีความพยายามมากขึ้น และที่สำคัญ ที่สุด พยายามพักผ่อนให้มาก ๆ ไม่มีประโยชน์เลย ถ้ามีรูปร่างที่สวยงามอย่างที่ต้องการ แต่ต้องอาศัยอยู่ ในโรงพยาบาล เนื่องจากสุขภาพไม่ดี

ผักผลไม้ 7 อย่าง ที่คุณผู้หญิง ไม่ควรพลาด



          เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีของคุณสาวๆ ขอแนะนำผักผลไม้ 7 ชนิด สำหรับคุณผู้หญิง ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีสารที่เป็นประโยชน์แก่หญิงทุกวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม และยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย ดังนี้
ลูกพรุน (Prunes)
ลูกพรุน เป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ที่สำคัญพรุน ช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด ผู้หญิงเราเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิต คือวัยยี่สิบห้า ร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมโทรม ไขมันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ มากมาย ใบหน้าที่เคยอวบอิ่มด้วยเลือดฝาด ก็เริ่มหมองคล้ำผิวพรรณจะเป็นสีชมพู- ระเรื่อหรือซีดโทรม เกิดได้หลายสาเหตุ เช่นผิวมีความหนามากขึ้นตามวัย จนมองไม่เห็น เลือดฝาด หรือเลือดไม่มีให้ฝาด คือเป็นโรคโลหิตจางนั่นเอง พรุนเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดี พรุนแห้งหนึ่งขีดมีธาตุเหล็ก 2.78มิลลิกรัมและมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการดูดซึมธาตุต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นหากคุณผู้หญิงอยากมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ริมฝีปากแดงสดเหมือนสตรอเบอรี่ แก้มแดงใสเหมือนลูกเชอรี่ โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอางดู เป็นคนที่มีสุขภาพดีสมบูรณ์ด้วยเลือดฝาด ลองรับประทานลูกพรุนสดๆ หรือลูกพลัมดูสิค่ะไม่เลวเลยทีเดียว
ถั่ว
ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสม“ถั่วช่วยคุณได้ค่ะ ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก วิตามินบี นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่า เมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งถั่วมีอยู่แล้วมากมาย) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่ม-นานความอยากอาหารจะลดลง ซึ่งแน่นอนว่ามีประโยชน์กับคุณสุภาพสตรี ที่ต้องการลดความอ้วนเป็นอย่างมาก
บรอคโคลี่
เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับคุณสุภาพสตรีทั้งหลาย เพราะบรอคโคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติ ซึ่งเจ้าตัวซีลีเนียมนี้แหละค่ะ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ (ซีลีเนียม จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง จึงทำให้ผิวดูอ่อนวัยนุ่มนิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว ) แถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย
แอปเปิ้ล

มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ “เพคติน”แต่ที่น่าสนใจสำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือ เจ้าตัว “เพคติน”นี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดโคเลสเตอรอลหากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูก จะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาล ในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 % ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึม น้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็ว และนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้น ความอยากอาหารจึงลดลงทำให้คุณไม่รู้สึกหงุดหงิด หรือ อ่อนเพลีย แอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวัน ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้ เพราะแอปเปิ้ลมีเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ผลจากการวิจัยชี้ว่า เมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมัน และแยกโคเลสเตอรอลออกมาเสร็จสิ้นแล้ว เพคตินจากแอปเปิ้ล จะไปคอยดักจับโคเลสเตอรอลเหล่านั้น และพาไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าร่างกาย
กล้วยไข่
กล้วยทุกชนิดดีต่อสุขภาพ แต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษ ในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีนโดยธรรมชาติ เมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกาย จะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมในส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ ขณะนั้นเองมีสองสิ่งที่สำคัญเกิดขี้นในร่างกายของเรา ซึ่งก็คือ สิ่งแรก เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์จะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น สิ่งที่สองความสามารถในการซ่อมแซม ส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถ ในการจำกัดอนุมูลอิสระ ( Detoxification )ก็ลดลงอย่างน่าตกใจเช่นกัน ดังนั้น กลยุทธ์ที่คุณจะสู้กับความแก่ด้วยตนเอง ก็คือ คุณต้องรับประทานอาหาร ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระให้มาก ซึ่งสารนี้เรารู้จักในชื่อที่ เรียกว่า แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidants) ซึ่งในกล้วยไข่ 1 ขีด มีสารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม
ฝรั่ง
คุณผู้หญิงทั้งหลายทราบหรือไม่คะว่าฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง180 มิลลิกรัม วิตามินซี มีบทบาทในการสร้างคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึง ไม่แก่ก่อนวัยวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เอง ที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพ ผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซี มีความสำคัญต่อการสร้าง และบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (ConnectiveTissue) เซลล์นับล้านๆ ตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจนมันคือคอลลาเจนตัวเดียวกันกับคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเอง และเพราะฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินซีนั่นเอง คุณๆ ทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆ น่าจะลองหันมารับประทานฝรั่งเป็นประจำนะคะ
ส้ม

แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติ การรับประทานส้มโดยไม่คายกาก จะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับ คนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโต หรือโดนัทชิ้นใหญ่ ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทน จะได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่าด้วยนะคะ
ผักและผลไม้ทั้ง 7 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นสำหรับคุณๆ ผู้หญิงทุกท่านที่ต้องการรักษาสุขภาพ นอกจากผักผลไม้ทั้งเจ็ดนี้แล้ว ผักและผลไม้อื่นๆ ก็มีคุณประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สถาบันโภชนาการแห่งชาติอเมริกา จึงได้แนะนำขนาดในการรับประทานผักผลไม้ในแต่ละวันว่า ควรจะรับประทานรวมกันให้ได้ วันละครึ่งกิโล หรือ 5 ขีดจะช่วยให้คุณๆ ทั้งหลาย มีสุขภาพแข็งแรง แจ่มใส ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมารบกวนค่ะ

เคล็ดลับน่ารู้ .. เรื่องสวยๆ งามๆ


  1. กิน หวาน มากทำให้ผิวเหี่ยว จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะเมื่อร่างกายมีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว ทำให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และเหี่ยวย่น ในที่สุด

   2. การยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า จะทำให้ผิวหน้าดูสดใส จริงหรือ?
เฉลย…จริง โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้น จะทำให้โลหิต บริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้น

   3. เอาน้ำแข็งถูหน้า ก่อนนอนจะทำให้หายมันได้ จริงหรือ? เฉลย…ไม่จริง แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้โดยการใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า ทาแล้วไม่ต้องล้างออก เมือกจะแห้งไปเองภายใน ๕ - ๑๐ นาที ทำก่อนนอน แค่นี่หน้าก็จะหาย

   4. การสวมเสื้อผ้าหนาๆ เพื่อให้เหงื่อออกเยอะๆ จะทำให้ผอมเร็วจริงหรือ?
เฉลย…ไม่จริง การที่เหงื่อออกเยอะคือ ภาวะที่ร่างกายโดนความร้อนแล้วระบายความร้อนออกมา ไม่ใช่การเผาผลาญไขมันออกมา เพราะฉะนั้นพอเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะเท่า เดิม

   5. คนผิวแห้งมีโอกาส เกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะคนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือ สารไขมัน ทำให้กลไกลการปกป้องตนเองของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นคนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิวมัน

   6. การฝึกกลั้นหายใจ สามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง โดยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึงหายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำ ได้

   7. การร้องไห้ช่วยลดความอ้วนได้ จริงหรือ?
เฉลย…ไม่จริง แต่การหัวเราะต่างหากที่ช่วย เผาผลาญแคลอรีให้หมดไปได้ดีกว่าอยู่เฉยๆ ได้มากถึง 20% ซึ่งหากได้หัวเราะวันละสัก 10 -15 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานลงได้มาก ถึง 50 แคลอรี



   8. กาวตราช้าง ใช้รักษาส้นเท้าแตกได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะ เมื่อปิดหนังที่แตกด้วย กาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่ถูกรบกวน จึงมีการซ่อมแซมตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก กาวช้างก็จะหลุดออก ไป แต่ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง

   9. การเต้นรำ ทำให้ผิวสวยได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะ การเต้นรำเพียงวัน ละ 20 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพดี

   10.การใส่กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำ ทำให้ขาใหญ่ได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะช่วงขาส่วนที่อยู่นอกกระโปรง จะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะ เมื่อผิวหนังเจอความหนาวเย็น ทำให้เกิดเซลลูไลท์

   11. การแลบลิ้นให้น้ำลายยืดลงพื้น 3 หยด จะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฏิกิริยาโดยขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป

   12. ดูดนมยางของเด็กทารก ตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง การคาบหรืออมนมยางของเด็กทารก ไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดานไม่กระเทือน สั่นไหวขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรน และไม่นอนอ้าปากอีกด้วย

   13. การสูดกลิ่นตัวผู้ชาย ทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้น มีสารฟีโรโมนผสมอยู่ โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้

   14. แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะแสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมนเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่ แต่ในที่มืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซาได้

   15. การฟังเพลง ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ?
เฉลย...จริง เพราะ การฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการปวดข้อลงได้



ที่มา...http://women.thaiza.com/detail_134188.html

10 สิ่งเซ็กซี่ของหญิงที่ชายมอง



10 สิ่งเซ็กซี่ของหญิงที่ชายมอง

1. สวมรองเท้าเปิดสายเล็ก ๆ อวดเท้าเปลือย

 2. ผู้หญิงที่กำลังถอดเสื้อผ้า โดยเฉพาะถ้าผู้ชายแอบเห็นแฟนสาวกำลังเปลื้องผ้าอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่รู้ ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังจ้องมองอยู่       
 3. หญิงสาวที่มีความเชื่อมั่นตนเองท่ามกลางคนแก่ๆ ทำให้เป็นที่สะดุดตา หน้าตายิ้มยวน สวมใส่เสื้อผ้าแปลกใหม่ หรือมีลักยิ้มที่แก้ม
4. ผิวพรรณนวลเนียน และผมมีสุขภาพดี มีประกายแวววาว         
 5. คุณมีอารมณ์ร่วมรักกับเขาจริง ๆ ไม่ได้เสแสร้ง        
 6. เธอพูดคุยเล่าให้เขาฟังว่าไปงานปาร์ตี้โดยไม่ได้สวมใส่เสื้อชั้นใน รับรองว่าชีพจรของเขาจะต้องเต้นเร็วขึ้นด้วยความตื่นเต้นกับจินตนาการ         
 7. ผู้หญิงที่ดื้อดึงเป็นบางครั้ง ไม่ทำตามปากคนอื่นง่าย ๆ       
 8. กลิ่นกายธรรมชาติของผู้หญิง ทำให้ผู้ชายเกิดอารมณ์อีโรติก
 9. ยอดอกที่ชูชันของผู้หญิงทำให้ผู้ชายต้องแอบเหลือบตามอง        
 10. ผู้หญิงที่ดูสวยสะอาดเหมือนผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว มีรอยตำหนิๆ นิดๆ หน่อยๆ ทำให้ดูน่ารักมีเสน่ห์ดี เช่น มีกระเล็กน้อยที่ปลายจมูก

4 สูตรหน้าใส ง่ายๆทำด้วยตนเอง



           

1. สูตรเพิ่มความสดชื่นเปล่งปลั่งให้ผิวหน้า
ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด แล้วนำแอปเปิ้ลไม่ปลอกเปลือกสัก ครึ่งผล ปั่นให้ละเอียด พอกหน้าเว้นเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออก
2. สูตรลดริ้วรอย ทำให้หน้านวลใส
นำแอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่น พอละเอียดได้ที่ก็คั้นมะนาวเอาแต่น้ำสัก 1 ช้อนชาใส่ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วพอกชโลมให้ทั่ว เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออก
3. สูตรหน้าเด้ง ไม่หยาบกร้าน
เตรียมโยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะ และมะเขือเทศลูกเล็กๆ สัก 3 ลูก ปั่นโยเกิร์ตกับมะเขือเทศให้ละเอียด แล้วนำพอกหน้าให้ทั่ว โดยเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก
4. สูตรขัดหน้าขาว และลดริ้วรอยหมองคล้ำ
ผสมโยเกิร์ต 1 ถ้วย กับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ให้เข้ากัน ชโลมให้ทั่วใบหน้า แล้วขัดๆ ถูๆ ให้ทั่ว ขัด 5 นาที ทิ้งไว้อีก 5 นาที แล้วล้างออก ทำเดือนละครั้งกำลังดี


ที่มา...http://www.ladytip.com/main/content/view/999/77/

เทรนด์แต่งหน้าบางใสสไตล์เกาหลี


ช่วงนี้ไม่ว่าจะเปิดทีวีช่องไหน หรือ หันไปเห็นเพื่อน ที่นั่งจุ้มปุ๊กดูซีรี่ส์อย่างขะมักเขม้น ก็หนีไม่พ้นซีรีส์เกาหลีกันเลยทีเดียวเชียว เรียกว่ากระแสความนิยมยังคงแรงแบบต่อเนื่อง และที่ฮอตสุดๆ จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่นางเอกซีรีส์เกาหลีแต่ละเรื่องนั่นเอง
เพราะทุกชีล้วนหน้าขาว ใส เนียน ตาแบ๊วกันสุดฤทธิ์ เพราะเทรนด์หน้าใสเหมือนไม่ได้แต่งแบบนี้เอง ทำให้อดไม่ได้ ต้องขอเมคโอเวอร์ให้สวยใสอย่างนางเอกซีรีส์เกาหลีกันซะหน่อย ไม่ยากค่ะ เรามีวิธี ^^


**อย่าลืมครีมกันแดด!!
สิ่งเดียวเท่านั้นที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ เพราะแดดประเทศไทยในเวลานี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าสาวๆ ต้องเกิดจุดอันไม่พึงประสงค์ ทั้งฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ ตามมาเป็นกระบุง ถ้าไม่อยากให้ผิวใสๆ ของเราต้องโดนทำร้ายก็ต้องไม่ลืมทาครีมกันแดดทุกวันนะคะ

**Make Up Base ตัวช่วยสำคัญเรียกความใส
เบสมหัศจรรย์ ที่เข้ามาช่วยปรับสภาพผิวให้คืนความใสปิ๊ง ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น และที่เริ่ดสุดๆ คือ ทำให้ทาแป้งได้ง่ายและติดทนนานขึ้น แถมเดี๋ยวนี้ยังสะดวกมากกว่าเดิมเพราะเบสบางยี่ห้อมีผสมกันแดดด้วยนะ ประหยัดทั้งเงิน ประหยัดทั้งเวลาได้เยอะเลย

**แก้มมีเลือดฝาดด้วยบลัชเนื้อครีม
อยากให้แก้มดูแดงใสเหมือนออกกำลังกายมานิดๆ ก็แค่เติมบลัชออนแบบเนื้อครีมเพียงเล็กน้อยบริเวณโหนกแก้ม เน้นว่าอย่าเยอะ! ให้ทาวนบางๆ ทีละนิด ดีกว่าลงหนักๆ แล้วต้องมานั่งลบเพราะเยอะไปอีกนะจ๊ะ อย่าลืมว่าต้องเลือกสีของบลัชให้เหมาะกับผิวหน้าด้วย (เลือกสีตามลิปก็ได้) แค่นี้ก็ดูเป็นสาวสุขภาพดี แก้มมีเลือดฝาดแล้วล่ะจ้า

**แป้งฝุ่นเหมาะที่ซู๊ด
หลังจากที่ลง ครีมกันแดด เบส และครีมบลัชไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาลงแป้งกันล่ะ ซึ่งผิวสาวๆ วัยมหา’ลัยเนียยังไม่ค่อยมีข้อบกพร่องอะไรมากนัก ถ้าจะให้หน้าไม่โบ๊ะโบกมากเกิน ก็ต้องใช้แป้งฝุ่นประเภทกระจายแสง ตบเบาๆ ลงบนหน้าให้ทั่ว (เช็คดีๆ อย่าให้วอกเป็นจุดๆ เชียว) แค่นี้ก็เอาอยู่

**อายแชโดว์ + อายไลเนอร์ + มาสคาร่า = ตาวิ๊ง~
ถ้าอยากให้สวยใสธรรมชาติๆ ละก็ ขอแนะนำอายแชโดว์เฉดสีชมพูน้ำตาลเนี่ย เวิร์คสุดๆ เลยจ้า ทาง่ายๆ แค่ทาสีชมพูให้ทั่วเปลือกตา และ ทาสีน้ำตาลที่ขอบตา สำหรับสาวตาเล็กก็ต้องทาให้เลยขอบขึ้นมาหน่อยนะจ๊ะ ไม่งั้นทาไปก้อหลบอยู่ข้างในมองไม่เห็นสีแน่ๆ ตบท้ายด้วยการกรีดอายไลเนอร์สีดำที่ขอบตา และปัดมาสคาร่า เลือกชนิดที่เน้นขนตาหนาๆ และเพิ่มความยาว แค่นี้ตาคู่สวยก็เด้งวิ๊งหวานในทันทีเลย

**คิ้วงามได้รูปด้วยมาสคาร่าใส
เทรนด์นี้ต้องยกให้คิ้วงามตามธรรมชาติ หมดยุคกันคิ้วโก่งๆ บางๆ แล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องทำอะไรมากมาย แค่จัดระเบียบคิ้วให้เป็นทรง จะด้วยวิธีกันหรือถอนก็ได้แล้วแต่ถนัด ^^ จากนั้นใช้มาสคาร่าสีใสๆ ป้ายให้ขึ้นรูปคิ้วสวยเท่านี้เอง

**ลิปกลอสสีหวานระเรื่อ
แค่ลิปกลอสก็พอนะจ๊ะ อย่าเลือกลิปสติกเนื้อแมทเพราะมันดูทั้งหนักและแห้ง แถมยังดูแก่เกินวัยอีกต่างหาก ควรเลือกเป็นลิปกลอส หรือ ลิปกลาสก็ได้ เลือกสีหวานๆ อย่างสีชมพูอมส้ม หรือ สีชมพูราสเบอรี่ หรือถ้าน้องๆ มีริมฝีปากที่แดงระเรื่อเป็นธรรมชาติอยู่แล้วยิ่งดีใหญ่ แค่ทาลิปบาล์มเนื้อบางใสก็เพียงพอแล้วค่ะ

เพียงเท่านี้ ก็ได้เวลาเฉิดฉายอวดใบหน้าสวยใสให้หนุ่มๆ เผลอร้องทัก “อันยองฮาเซโย” กันเลยจ้า ^o^
ที่มา..http://www.daomahalai.com/index.php?option=com_content&view=article&id=19:2009-06-17-12-30-05&catid=6:2009-06-15-05
-25-07&Itemid=12

10 เคล็ดลับ สวยธรรมชาติ



1. สตรอว์เบอร์รี่เพื่อผิวสะอาดหมดจด
ประโยชน์ : สตรอว์เบอร์รี่อุดมด้วยวิตามินและกรดเอเอชเอธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยปรับสภาพผิวและลดการอุดตันของรูขุมขนได้ดี
วิธีใช้ : ผสมสตรอว์เบอร์รี่ 2-3 ผลกับน้ำมะนาว นำมานวดให้ทั่วใบหน้า แล้วจึงล้างออก

2. ส้มเพื่อกระชับรูขุมขน
ประโยชน์ : วิตามินและกรดธรรมชาติในส้มจะช่วยสมานและกระชับผิว
วิธีใช้ : ผสมน้ำส้มสด 2-3 หยดกับน้ำแร่ จากนั้นนำสำลีมาชุบแล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้าเหมือนโทนเนอร์ทั่วไป

3. ผักกาดแก้วเพื่อผิวกระจ่างใส
ประโยชน์ : ผักกาดแก้วช่วยลดการอักเสบของผิวและช่วยให้ผิวเนียนนุ่มขึ้น
วิธีใช้ : นำผักกาดแก้ว (4 ใบ) มาต้มประมาณ 10 นาที ทิ้งให้เย็นแล้วกรองเอาแต่น้ำ จากนั้นำสำลีมาชุบน้ำที่กรองไว้ เช็ดให้ทั่วใบหน้าเหมือนโทนเนอร์ทั่วไป

4. แอปริคอตเพื่อแก้มใสเปล่งปลั่ง
ประโยชน์ : แอปริคอตอุดมด้วยวิตามินเอจึงช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง
วิธีใช้ : นำแอปริคอตสุกมาบดให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก ใช้เหมือนเจลหรือครีมมาสก์หน้าทั่วไป

5. มะนาวเพื่อปรับสภาพผิวหน้าอก
ประโยชน์ : กรดธรมชาติและสารฟลาโวนอยด์ในมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าออกและกระชับผิวให้ตึงขึ้น
วิธีใช้ : นวดหน้าอกด้วยน้ำมะนาวทุกเย็น

6. แครอตเพื่อยืดอายุผิวสีแทน
ประโยชน์ : แครอตมีสารเบต้าแคโรทีนและแอนตี้ออกซิแดนต์สูง จึงช่วยรักษาสภาพและสีผิวอยางผิวสีแทนหลังอาบแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีใช้ : ละลายวาสลีน 10 กรัม ในน้ำมันจมูกข้าวสาลี (wheat germ) ที่ตั้งไฟจนร้าน จากนั้นเติมน้ำแครอต (4 หัว) ลงไป คนให้เข้ากันแล้วรินใส่ภาชนะเก็บไว้ นำมาทาผิวกายและผิวหน้าให้ทั่ววันละ 1 ครั้งเหมือนครีมบำรุงผิวทั่วไป

7. เกลือเพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ
ประโยชน์ : เกลือมีสารไอโอดีน ทองแดง และสังกะสี ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เมื่อยล้าให้กลับมากระชับและแข็งแรงเหมือนเดิม
วิธีใช้ : ละลายเกลือทะเล 1 กำมือลงในอ่างอาบน้ำแล้วลงไปแช่ทั้งตัวหรือจะแช่เฉพาะมือและเท้าก็ได้

8. น้ำผึ้งเพื่อลดรอยคล้ำรอบดวงตา
ประโยชน์ : น้ำผึ้งมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรียและบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม
วิธีใช้ : ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนกาแฟ กับน้ำแร่งอุ่นๆ ครึ่งแก้ว จากนั้นใช้สำลีชุบแล้วนำมาวางบนผิวบริเวณรอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที

9. มันฝรั่งเพื่อลดถุงใต้ตา
ประโยชน์ : สตาร์ช (Starch) หรือสารสีขาวจำพวกคาร์โบไฮเดรตที่พบได้ในข้าว ข้าวโพด หรือมันฝรั่ง จะช่วยลดการอักเสบของผิวได้
วิธีใช้ : หั่นมันฝรั่งเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วพอกไว้หนาๆ บริเวณใต้ดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น

10. กล้วยเพื่อผมนุ่มสลวย
ประโยชน์ : กล้วยอุดมไปด้วยกลูไซด์ซึ่งช่วยบำรุงผิวรวมทั้งเส้นผมด้วย
วิธีใช้ : ผสมกล้วยสุกกับน้ำมันอัลมอนด์ 2-3 หยด นำมาชโลมให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วจึงล้างออก

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก ผู้หญิงนะคะดอทคอม