เวลา&ความสุข

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

เหตุผลที่ควรยิ้ม ^__^


เมื่อเปรียบเทียบการยิ้มกับการแสดงสีหน้าแบบอื่น เช่น โกรธ เศร้า เคร่งขรึม วิตกกังวล ฯลฯ แล้ว จะพบว่า การยิ้มใช้กล้ามเนื้อใบหน้าน้อยกว่าการแสดงสีหน้าแบบอื่นมาก การยิ้มจึงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า ใช้พลังงานน้อยกว่า และทำให้ใบหน้าดูดีกว่าการแสดงสีหน้าแบบอื่น ๆ ด้วย


แล้วรู้ไหมว่า เรา "ยิ้ม" เพื่ออะไรกัน
          - เพื่อให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าของคุณได้ทำงานซะบ้าง

          - ถ้าคุณยิ้มให้เขา มีหรือเขาจะไม่ยิ้มตอบคุณ

          - อย่างน้อยคุณจะได้ให้เขาช่วยเตือนว่ามีเศษผักสีเขียวมรกต ยังคงสนุกสนานในปากคุณ

          - การยิ้มเป็นการเริ่มต้นแห่งมิตรภาพที่ดีที่สุด

           -ถ้าคุณไม่ยอมยิ้ม แล้วใครจะได้เห็นล่ะว่า คุณมีลักยิ้มที่น่ารักที่สุด

          - เมื่อคุณทำผิดแล้วโดนจับได้ การแก้ตัวก็มีแต่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่การยิ้มเจื่อน ๆ แบบว่า แย่จัง!! คุณจะดูเหมือนพวกที่สำนึกผิด แล้วใครล่ะ จะกล้าโกรธคุณลง

          - ยิ้มสวย ๆ จะทำให้คนหน้าตาธรรมดา ๆ ดูดีขึ้นจนน่าประหลาดใจ

         -  การยิ้มในวันที่อ่อนล้า หรือเซ็งสุด ๆ ในชีวิต จะช่วยกระตุ้นให้คุณรู้สึกดีขึ้น

         -  ถ้าคุณพูดไม่เก่ง ลีลาไม่เด็ด ให้ยิ้มมาก ๆ เป็นการชดเชย

         -  รอยยิ้มเป็นสัญญาณบอกใคร ๆ ว่าคุณพร้อมจะเปิดใจแล้ว

          - ยิ้มดี ๆ เพียงครั้งเดียวดีกว่าคำพูดนับแสนคำ



ยิ้มเกิดขึ้นได้อย่าง
ไร
          รอยยิ้ม เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ 2 มัดใหญ่ คือ ไซโกเมติก เมเจอร์ ( Zygomatic major) ที่จะช่วยดึงมุมปากให้ยกขึ้นไปหาโหนกแก้ม และออร์บิคิวลาริส ออคิวไล (Orbicularis Oculi ) ที่จะช่วยดึงเนื้อแก้มและเบ้าตาให้ยกขึ้น
ยิ้มมีผลต่อร่างกายอย่างไร
          จากการศึกษาพบว่า เมื่อกล้ามเนื้อใบหน้าเคลื่อนไหวจนเกิดเป็นรอยยิ้ม จะส่งผลทำให้โลหิตแดงที่ไปเลี้ยงสมองมีอุณหภูมิลดลง จะทำให้เกิดความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย ซึ่งจะตรงข้ามกับการทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ที่การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าจะทำให้สมองมีอุณหภูมิสูงขึ้น และเกิดความรู้สึกไม่สบาย

          นอกจากนี้ ในขณะที่คนเรายิ้ม หัวใจจะเต้นช้าลง ความดันโลหิตลดลง ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะผ่อนคลาย ต่อมหมวกไตจะทำงานน้อยลง ฮอร์โมนอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดจะถูกขับออกมาน้อยลงด้วย การยิ้มจึงช่วยลดความเครียดได้

การยิ้มมีความสัมพันธ์กับความสุขอย่างไร
          เป็นที่สงสัยกันมากว่า คนเรามีความสุขแล้วจึงยิ้ม หรือยิ้มก่อนแล้วจึงมีความสุข ทำให้นักวิชาการต้องทำการศึกษาวิจัยในเรื่องนี้ให้ถ่องแท้ลงไป และผลที่ได้ก็พบว่าเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง นั่นคือ เมื่อคนเรารู้สึกมีความสุข เราจะแสดงออกทางสีหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่ชอบเก็บกดอารมณ์ของตน เวลามีความสุขก็ยังพยายามบังคับสีหน้าให้ดูเคร่งขรึม ซึ่งต้องใช้กล้ามเนื้อใบหน้ามากกว่า เสียพลังงานมากกว่า และทำให้ไม่สามารถมีความสุขได้อย่างเต็มที่

          ในทางตรงข้าม แม้คนเราจะยังไม่รู้สึกมีความสุข แต่เมื่อยิ้มแล้วสักพัก จะรู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นและมีความสุขได้เช่นกัน









ที่มา : http://variety.teenee.com/foodforbrain/39036.html

10 ประเทศที่ประชากรสุขภาพดีที่สุดในโลก !


ประชากรใน 10 ประเทศต่อไปนี้ขึ้นชื่อว่ามีสุขภาพดีที่สุดในโลก ทั้งที่ในบางประเทศมีอาหารอันขึ้นชื่อ เช่น พิซซ่า หรือพาสต้าชีส ซึ่งเมนูเหล่านี้น่าแปลกใจทีเดียวว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพของพวกเขาได้อย่างไร ไปดูกันว่าพวกเขากินอะไร และกินอย่างไร จึงได้ชื่อว่าสุขภาพดีที่สุดในโลก
 อันดับ 1 ญี่ปุ่น
          ชาวญี่ปุ่นมีหลักการบริโภคคือ เมนูในหนึ่งวันจะต้องหลากหลายและมีคุณค่า ดังนั้นในหนึ่งมื้อของชาวญี่ปุ่นจะต้องมีข้าวเปล่าไว้ทานกับเนื้อปลา เนื้อหมู ผักใบเขียวต่าง ๆ และนัตโตะ (ถั่วหมัก) อีกทั้งยังต้องมีซุปมิโซะ ใส่สาหร่าย เต้าหู้ และเห็ดเข็มทอง ทั้งนี้เพื่อคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน

 อันดับ 2 สิงคโปร์

          ด้วยอิทธิพลวัฒนธรรมผสมระหว่างตะวันออกกับตะวันตก ทำให้ชาวสิงคโปร์ชื่นชอบอาหารประเภทข้าวและเส้น นิยมทานคู่กับเนื้อ หมู ปลา และไก่ ที่นำมาทำเมนูย่าง ผัด หรือแกง และในมื้อเช้าก็ยืนพื้นเป็นโจ๊ก หรือข้าวต้มเหมือนบ้านเรา แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาจะไม่บริโภคเลยคือ อาหารทอดที่มีน้ำมันมาก

 อันดับ 3 จีน

          แต่เดิมแล้วชาวจีนให้ความสำคัญกับความปราณีตของอาหาร แต่เนื่องจากมีประชากรมากที่สุดในโลก ต่อมาจึงจำเป็นต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ดังนั้นอาหารที่หาง่ายและทำได้ง่ายสุดคือ เมนูผักนั่นเอง ทำให้ถูกยึดเป็นอาหารพื้นฐานในยุคปัจจุบัน ถ้าหากนึกภาพอาหารจีนสักจาน คงต้องนึกไปถึงข้าวสวยร้อน ๆ ทานกับผัดผัก ผัดถั่ว ที่อาจมีเนื้อสัตว์ประกอบอยู่เพียง 1 หรือ 2 ส่วนเท่านั้น

 อันดับ 4 สวีเดน

          เป็นประเทศต้นกำเนิดบุฟเฟ่ต์ (smorgasbord) มีแนวคิดมาจากภาษาสวีดีชคำว่า "Lagom" ที่แปลว่าเพียงพอ โดยลักษณะการจัดเรียงคือ อาหารแต่ละอย่างจะถูกจัดวางในจานใบเดียวกันในปริมาณที่พออิ่ม ซึ่งเป็นข้อดีคือ พวกเขาสามารถกำหนดปริมาณการบริโภคในแต่ละมื้อได้ โดยตามธรรมเนียมดั้งเดิมแล้ว อาหารสวีเดนจะเน้นที่ทานง่ายและให้ประโยชน์มาก เช่น โยเกิร์ต นม ขนมปังธัญพืชไม่ขัดสี และเมนูปลา

 อันดับ 5 ฝรั่งเศส 

          ชาวฝรั่งเศสเน้นวัฒนธรรมการกินที่ต้องดูดีร่วมสมัย ชาวฝรั่งเศสชอบใช้เวลากับมื้ออาหารเพื่อดื่มด่ำอยู่กับรสชาติอาหาร ทำให้พวกเขาใช้เวลากับมื้อค่ำค่อนข้างนานกว่ามื้ออื่น ๆ ผิดกับมื้อเช้าที่จะดื่มกาแฟเพียงแก้วเดียว หรือกินแค่บาเกตทาเนยเพียงชิ้นเดียว แล้วมื้อกลางวันกินพาสต้าชีสชามโต ไม่ว่าอย่างไรอาหารก็ไม่เป็นปัญหากับรูปร่างของพวกเขา เพราะพวกเขารักการเดิน หรือไม่ก็ปั่นจักรยาน ซึ่งนี่เป็นวิธีการเผาผลาญไขมันจากการอาหารที่บริโภคอย่างหนักมาทั้งวันได้ดี

 อันดับ 6 อิตาลี

          ชาวอิตาเลียนเน้นทานอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน พวกเขาจะปรุงสดและบริโภคในทันที อาหารสไตล์นี้ใช้น้ำมันมะกอกในการปรุง และเน้นหนักไปทางผลไม้สด ผักสด ธัญพืช เมล็ดถั่ว เนื้อปลา และอาจจิบไวน์ควบคู่กับอาหารไปด้วย อันที่จริงมีชาวอิตาเลียนจำนวนน้อยมากที่ทานพาสต้าเป็นอาหารจานหลัก เพราะตามหลักแล้วเมนูพาสต้าจะถูกเสิร์ฟในปริมาณพออิ่มถัดจากอาหารจานสลัด

 อันดับ 7 สเปน 

          "แมนเชโก้" (Manchego) ถือเป็นชีสที่ดีที่สุดของสเปน รวมถึงเนื้อเบคอนด้วย แต่ทั้งนี้พวกเขาจะนำมาดัดแปลงในเมนูซุป หรือสตูว์ เพิ่มเมล็ดอัลมอนด์ กระเทียม ถั่วชิคพี (chickpea) ถั่วปากอ้า ถั่วฝัก และผักสดตามฤดูกาล อาจมีตบท้ายด้วยผลไม้ตระกูลส้ม นับว่าเมนูของชาวสเปนขึ้นชื่อเรื่องอาหารชะลอวัย ช่วยลดคอเลสเตอรอล เพราะอุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์


 อันดับ 8 เกาหลีใต้ 

          ชาวเกาหลีมีผิวขาวสวยเพราะ "กิมจิ" หรือผักดองปรุงรสที่มีกลิ่นฉุน รสเปรี้ยวและเผ็ดเล็กน้อย ซึ่งนับแต่โบราณกาล แม่บ้านเกาหลีจะดองกิมจิเอาไว้ตั้งแต่ต้นปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพื่อนำมาเป็นอาหารในช่วงฤดูหนาวที่แห้งแล้ง แทนผักผลไม้ที่เก็บเกี่ยวไม่ได้ แต่ในปัจจุบันชาวเกาหลีนิยมทานกิมจิเป็นเครื่องเคียงร่วมกับเมนูเนื้อสัตว์อื่น ๆ ด้วย เช่น พุลโกกิ (เนื้อย่าง) คิมบับ (ข้าวห่อสาหร่าย) พีบิมบับ (ข้าวยำ) เป็นต้น
 อันดับ 9 อิสราเอล

          ชาวอิสราเอลนิยมทานเนื้อแกะ สตูว์มะเขือม่วง และพิต้ายัดไส้ โดยจะเน้นหนักไปที่มื้อกลางวัน ซึ่งขั้นตอนการเตรียมทุกอย่างจะนำไปย่างก่อน ตามมาด้วยผสมขมิ้นในเครื่องเทศให้ยิ่งเผ็ดร้อน โรยหน้าด้วยใบมิ้นท์และงา หรืออาจนำผักสดและเครื่องเทศ มาคลุกเคล้าน้ำมันมะกอกทำเป็นสลัด เช่น มะเขือเทศ พริกไทย หัวหอม กระเทียม โรยหน้าผักชีฝรั่ง (parsley) และผักชีลาว (dill)

 อันดับ 10 กรีซ

          ชาวกรีกนิยมปรุงอาหารทานเองที่บ้าน น้อยครั้งมากที่จะออกไปรับประทานนอกบ้าน พวกเขานิยมทานอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีหัวใจหลักอยู่ที่ปรุงด้วยน้ำมันมะกอกทุกขั้นตอน เน้นสีสันสดใสโดยการใส่ผักสด โรยธัญพืช ถั่วฝัก มะเขือเทศ พริกไทย และอาหารทะเลสด

          สำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักให้ได้ผลและมีสุขภาพดีไปพร้อมกันด้วย คุณอาจต้องเปลี่ยนวิธีกินโดยการแบ่งกินเป็นมื้อย่อย 5 มื้อ อาจกินมื้อเช้าแบบชาวเกาหลี และมื้อค่ำเน้นผักสดแบบชาวอิตาลี ปรับวิธีปรุงอาหารมาเป็นอบ กริลล์ (ย่างพอสุก) แทนการทอด หรือเลือกบริโภคเนื้อสัตว์เพียง 1 มื้อต่อวัน และออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 25 นาที เพียงแค่นี้ก็สามารถมีสุขภาพดีแบบนานาชาติได้แล้วค่ะ


วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วันแห่งความรัก



       
 วันวาเลนไทน์     นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณี อย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยัง สืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็ก ๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการ ที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุด





ของขวัญวันวาเลนไทน์

    ดอกไม้ ให้ความหมายของการบอกรักได้ดีที่สุด ที่ฮิตสุดเห็นจะเป็น
- กุหลาบแดง หมายถึง ความรักและความปรารถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ เป็นสิ่งนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับ
- กุหลาบขาว หมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ ความเงียบสงบ และนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับเช่นเดียวกับดอกกุหลาบแดง
- กุหลาบสีชมพู หมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์ที่สุด
- กุหลาบสีเหลืองหรือสีส้ม หมายถึง ความรักร้อนแรงและยาวนาน ไม่จืดจาง หวานชื่น และมีความสุข
- กุหลาบตูม หมายถึง ความรักและความเยาว์วัย
- กุหลาบบาน หมายถึง ความรักที่กำลังเบ่งบาน ความอ่อนหวาน สดชื่น





ฮวงจุ้ย....เสริมรัก



ฮวงจุ้ย...เสริมเลิฟ


1. ค้นหาตำแหน่งความสัมพันธ์
มันควรจะเป็นตำแหน่งที่อยู่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของห้องนอน ในมุมนี้ให้กำจัดแมกกาซีนเก่า ๆ ผ้าที่ยังไม่ได้ซักกองอยู่ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่เกะกะรกรุงรัง แต่มันยังเป็นอุปสรรคชีวิตรักของคุณ ลองทำมุมนี้ให้สะอาด เป็นมุมที่คุณจุดเตาอะโรมาหยดกลิ่นวานิลาลงไป เชื่อว่ากลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้มีความใกล้ชิดกันทางกายเพิ่มมากขึ้น

2. ตกแต่งเป็นคู่
เรากำลังพูดถึงเก้าอี้ หมอน สิ่งของอย่างตุ๊กตา เอาเทียนอะโรมาที่คุณวางไว้อย่างโดดเดี่ยวอันเดียวออกซะ แล้วเปลี่ยนเป็นเทียนหอมคู่สีชมพูที่วางไว้คนละมุมของหัวเตียง เพื่อเพิ่มความร้อนแรงให้กับคู่รักที่นอนอยู่บนเตียงระหว่างเทียน 2 เล่มนี้ สีชมพูเป็นสีแห่งความโรแมนติก หลีกเลี่ยงสีพีชนอกเสียจากว่าคุณต้องการที่จะโดนทิ้ง เพราะสีนี้เป็นสีที่จะเชื้อเชิญคนรักเข้ามาในชีวิตแต่มันไม่ช่วยให้คุณอยู่กับเขาได้นาน

3. เอาของหนักออกไป
อุปกรณ์ออกกำลังกายทั้งหลายอันหนักอึ้งและคอมพิวเตอร์จะหมายถึงงานหนักและการต้องเสียแรงในชีวิตรัก ทำให้ชีวิตรักมีแต่เรื่องหนัก ๆ อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ควรวางไว้ในห้องนอน ถ้าคุณอยากให้ชีวิตรักของคุณเป็นเรื่องเบาๆ ต้องอย่าเอาเรื่องงานและเรื่องยิมมาอยู่ในห้องนอน

4. เช็ควิวจากมุมที่นอน
เตียงของคุณไม่ควรหันหน้าไปทางหน้าต่างหรือประตู และต้องแน่ใจด้วยนะว่าฝั่งหัวเตียงของคุณเป็นผนังหรือมีหัวเตียงที่แน่นหนา จะช่วยให้อารมณ์มั่นคงขึ้น ไม่ทะเลาะกันจนกระทั่งเตียงหัก และถ้าอยากเพิ่มแรปรารถนาให้แก่กันและกันแบบไฟติดพรึ่บพรั่บลองหาม่านลูกปัดมาแขวนที่ประตูห้องนอน และน่าจะมีแจกันใส่ดอกไม้สด ๆ โดยเฉพาะดอกกล้วยไม้จะมีพลังเสริมทางเพศให้ไฟรักลุงโชน







ที่มา...http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tikthinkthong&date=01-02-2007&group=6&gblog=5

" น้ำผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพ "



ส่วนประกอบ
1.สัปปะรดปอกเปลือกและตาสัปปะรดออกใช้ประมาณ 1/4 ลูก
2.แอ๊ปเปิ้ลหั่นเป็นชิ้นๆ 2 ลูก
3.องุ่นไร้เมล็ดประมาณ 15 ลูก
4.กีวี 2 ลูก
5.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
6.น้ำเชื่อม 1/4 ถ้วย
7.น้ำแข็ง 3 ถ้วยตวง
8.น้ำเปล่า 1 ถ้วย
9.เกลือป่นนิดหน่อย
วิธีทำ
        นำทั้งหมดข้างต้น แบ่งส่วนปั่น 2 หรือ 3 ครั้ง เวลาปั่นให้ปั่นผลไม้กับ น้ำเชื่อมและน้ำเปล่าก่อนค่อย
ใส่น้ำแข็งลงไปปั่น จากนั้นก็ชิมเอาที่รสชาติที่ชอบ

ที่มา..
http://www.fruit-fruit.ob.tc/fruit61.html

ผลไม้มงคล



1. ลำไย เป็นผลไม้มงคล ซึ่งคนจีนบางกลุ่มนำไปใช้ร่วมกับพิธีการสูง เพราะเชื่อกันว่า เป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความหวานชื่น สำหรับหนุ่มสาวในงานพิธีมงคลนั้นๆ ลำไยภาาจีนแปลว่า ดวงตามังกร ซึ่งมังกรเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องเต้เมืองจีน ดังนั้นหมายถึง ความเป็นผู้ที่มีอำนาจ เป็นผู้นำปวงชน และเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือ ฉะนั้น ลำไยคือผลไม้มงคลที่เชื่อว่า เป็นตัวแทนแห่งความรัก ความเป็นผู้นำ และความมีอำนาจวาสนา
 2. ลิ้นจี่ เป็นผลไม้ชั้นสูงของคนจีนมาเป็นเวลานานแล้ว มีเรื่องเล่ากันว่า ฮ่องเต้ของเมืองจีนในสมัยหนึ่ง ต้องให้ทหารผู้ที่ดูแลพระองค์จัดหาลิ้นจี่น ผิวสวยสีแดงสด เพื่อนำไปถวายพระมารดา และพระมเหสีของพระองค์เป็นประจำ จึงเกิดการแพร่หลายไปในขุนนางชั้นสูงต่อกัน จนเป็นที่รู้กันทั่วไป เพราะผลที่มีสีแดงของลิ้นจี่นี่เอง ทำให้เป็นที่นิยมนำลิ้นจี่ไปใช้ในงานมงคล ฉะนั้น ลิ้นจี่คือผลไม้ที่มีสีแดงสด ซึ่งคนจีนถือว่าเป็นสีแห่งความเป็นสิริมงคง
 3. สับปะรด เป็นผลไม้มงคล ที่คนนิยมนำไปไหว้ในพิธีการต่างๆ เชื่อกันว่าจะทำให้เกิดความรอบคอบ รอบรู้ในสิ่งต่างๆ ดูแลกิจการงานได้ทั่วถึง สายตากว้างไกล ประดุจดั่งสับปัรดที่มีดวงตารอบตัว ฉะนั้น สับปะรดคือผลไม้แห่งความมงคลที่เชื่อถือว่า เป็นตัวแทนแห่งความรอบคอบ รอบรู้ สายตากว้างไกล
 4. กล้วย เป็นผลไม้มงคลแห่งการแตกหน่อ แตกสาขา ซึ่งในธรรมชาติของต้นกล้วยนั้น สามารถแตกหน่อไปได้เรื่อยๆ โดยไม่มีวันจบ กล้วยยังเป็นผลไม้แห่งการเชื่อถือในด้านการ มีบริวารมากมาย เฉกเช่นเดียวกับกล้วย 1 เครือที่มีลูกเป็นจำนวนมาก บางคนนิยมรับประทานกล้วยที่มีผลแฝดคู่กัน เพื่อจะได้มีลูกที่คลอดออกมาเป็นลูกแฝด ฉะนั้น กล้วยคือผลไม้มงคล ที่เชื่อว่าเป็นตัวแทนแห่งการขยายสาขา กิจการ การมีบุตรสืบสกุล มีบริวารมาก
 5. ทุเรียน เป็นผลไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์ในตัวเองมาก มีเนื้อในที่สวยงาม สีเหลืองดั่งทองคำ ด้วยความฉลาดหลักแหลมของธรรมชาติ จึงได้สร้างเกราะคุ้มกันเนื้อในสีทอง โดยการสร้างหนามแหลมคมรอบตัว เพื่อป้องกันสัตว์ร้ายต่างๆ มารบกวน ฉะนั้น ทุเรียนจึงเป็นผลไม้มงคลที่ชื่อว่า เป็นตัวแทนของความฉลาดหลักแหลม เข้มแข็ง สามารถป้องกันตนเองได้

ที่มา...http://www.fruit-fruit.ob.tc/fruit5.html

ดอกไม้>>ทายใจ


ดอกไม้ สิ่งที่บอกตัวตนของคุณได้ในทุกๆเรื่องๆ หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าจริงๆแล้ว ดอกไม้แต่ละชนิดนั้นมีความหมายอยู่ในตัวเองมัน และคุณคงอยากรู้ว่าใครชอบดอกอะไร และมีความหมายอย่างไรแน่นอน...ใช่มั้ยคะ 

     ดอกเบญจมาศ สื่อความหมายของคำว่า “ รักแท้ ” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดอกสีขาว ซึ่งคนญี่ปุ่นจะถือว่าดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้อันสูงศักดิ์และทรงเกียรติ 

     ดอกโบตั๋นแคระ หมายถึง ตัวแทนของหญิงที่มีความสง่างาม 

     ดอกลิลลี่ ดอกลิลลี่นับเป็นดอกไม้ดอกหนึ่งที่แก่ที่สุดในโลก เคยถูกพบเป็นภาพวาดบนฝาผนังและกำแพงในราชสำนักกรีกโบราณ เป็นดอกไม้ที่แทนถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ดังนั้น..... ในพิธีแต่งงานโดยมาก ดอกไม้ในมือเจ้าสาวมักจะต้องมีลิลลี่แซมอยู่เสมอ 

     ดอกกุหลาบ หมายถึง “ ความรัก ” ซึ่งกุหลาบแต่ละสีจะบ่งบอกความรักในแง่มุมที่แตกต่างกัน เช่น ดอกกุหลาบสีแดง หมายถึง รักแท้ที่ร้อนแรง ดอกกุหลาบสีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ซึ่งไม่หวังสิ่งตอบแทน ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึง ตัวแทนความห่วงใยและกำลังใจ เอาไว้จะมาเล่าถึงความหมายของแต่ละสีอีกทีเอนทรี่หน้าแล้วกัน เดี่ยวหมดเรื่องอัพ อิอิ 

     ดอกทานตะวัน หมายถึง ความหวัง ความภูมิใจ และความหยิ่งยโส 

     ดอกเดซี่ ได้ชื่อว่าเป็นดอกแห่งความทรงจำในวัยเด็กของชาวตะวันตก ไม่ว่าจะนำดอกเดซี่มาทำเป็นสร้อยคอหรือสวมหัวเล่นนอกจากนั้นเด็กๆ ยังมีวิธีเล่นที่สื่อถึงความไร้เดียงสาน่ารัก คือการ..... หลับตาหยิบดอกไม้ แล้วลืมตานับจำนวนดอกเดซี่ ซึ่งตัวเลขจำนวนนั้นจะถือว่าเป็นอายุก่อนที่จะแต่งงาน และทำนายรัก..ไม่รักโดยการเด็ดกลีบของเดซี่ทีละกลับ ดอกเดซี่จึงหมายถึงความไร้เดียงสา และความบริสุทธิ์ 

     ดอกทิวลิป หมายถึง การบอกรักให้อีกฝ่ายรับรู้ ดอกทิวลิปสีเหลือง หมายถึง ความรักที่สิ้นหวัง ดอกทิวลิปสีแดง หมายถึง คำสารภาพรัก ดอกทิวลิปนี่ก็เป็นอีกชนิดนึงที่แต่ละสีบ่งบอกความรักที่ต่างกัน อย่างสีแดงบอกถึงรักนิรันดร์ ไว้เอนทรี่หน้าเนอะ อิอิ 

     ดอกบัวสาย .... ดอกไม้ไทย ๆ เรานี่เอง หรือที่เรียกว่า Water Lily เป็นไม้น้ำชนิดหนึ่งที่มีมาแต่โบราณ และยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของอิปต์ด้วย โดยให้ควาหมายถึงความบริสุทธิ์แห่งจิตใจ 

     ต้นไอวี่ หมายถึง การมีรักเดียวใจเดียว ดอกไอวี่ Ivy .... "แต่งงานกันเถอะ" แต่ถ้าเป็น ดอกไอวี่สีเหลือง Yellow Ivy "ฉันหลงไหลในตัวคุณ" 

     ดอกฟอร์เก็ตมีน็อต (Forget-Me-Not) มาจากตำนานเล่าขานที่ว่ากาลครั้งหนึ่งมีอัศวินหนุ่มในชุดเกราะกำลังเดินเล่นที่ริมลำธารกับหญิงที่รัก สาวเจ้าเห็นดอกไม้ที่ริมตลิ่งชูช่อสวยงามอยู่ ก็เกิดความอยากได้ขึ้นมาและขอให้อัศวินเก็บให้ 

    ขณะที่กำลังเอื้อมมือคว้าดอกไม้นั้นอัศวินกลับเกิดเสียหลักลื่นตกลงไปในลำธาร ชุดเกราะที่แสนหนักหน่วงจึงถ่วงให้เขาไม่สามารถจะว่ายน้ำได้ เขาจึงโยนดอกไม้ดอกนั้นให้กับเธอพร้อมกับตะโกนว่า Forget-Me-Not และจมหายไปต่อหน้าต่อตา หญิงสาวผู้นั้นไม่เคยลืมเขาเลยและให้ชื่อดอกไม้นั้นว่าดอก Forget-Me-Not ดอกไม้นี้จึงเป็นตัวแทนของรักแท้ และความทรงจำแห่งความรัก
 

ข้อมูลจาก : Wedding Studio






วิธีลดน้ำหนัก/วิธีลดความอ้วน




1.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่พยามยามลดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล และไขมัน และไม่ควรงดมื้อใดมื้อหนึ่ง เพราะ อาจทำให้คุณรับประทานอาหารมื้อถัดไปมากขึ้น ที่สำคัญควรรับประทานประเภทผักใบเขียว เพราะจะมีใยอาหาร อยู่มาก
2.พยายามดื่มน้ำก่อนอาหาร เพื่อถ่วงกระเพาะอาหาร ซึ่งจะทำให้ทานอาหารได้น้อยลง หรือเลือกรับประทาน ใยอาหาร ก่อนอาหาร ประมาณครั้งชั่วโมงแทน
3.เพื่อผลทางจิตวิทยา ควรใช้ภาชนะเล็กลง โดยมีปริมาณอาหารเท่าเดิมเพื่อให้ดูว่ามีอาหารมากขึ้น และควรใช้ ช้อน ขนาดเล็กเพื่อจะได้รับประทานช้าลง ที่สำคัญควรฝึกเคี้ยวช้า ๆ จะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง และรู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น
4.หาเวลาออกกำลังกายที่เหมาะสมมากขึ้น มักมีความเชื่อผิด ๆ กันว่า การออกกำลังกายมากขึ้นจะทำให้หิวเร็ว และ รับประทาน อาหารมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่ไม่ได้ออกกำลังกายจะทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย จึงมักขจัด ความเบื่อนี้ ด้วยการรับประทาน การออกกำลังกายจึงเป็นวิธีช่วยลดความเบื่อหน่าย และเพิ่มการใช้พลังงาน เพื่อเผาผลาญ ไขมันสะสม ให้ลดน้อยลง
5.สร้างสิ่งจูงใจ หรือทัศนคติดี ๆ ต่อพฤติกรรมใหม่ ๆ เช่น การเขียนข้อความเกี่ยวกับการลดความอ้วน หรือชุดสวย ๆ ในสมัยก่อนที่เคยใส่ได้ เพื่อให้เห็นถึงเป้าหมาย และสามารถกระตุ้นหรือจูงใจให้มีความพยายามมากขึ้น และที่สำคัญ ที่สุด พยายามพักผ่อนให้มาก ๆ ไม่มีประโยชน์เลย ถ้ามีรูปร่างที่สวยงามอย่างที่ต้องการ แต่ต้องอาศัยอยู่ ในโรงพยาบาล เนื่องจากสุขภาพไม่ดี

ผักผลไม้ 7 อย่าง ที่คุณผู้หญิง ไม่ควรพลาด



          เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีของคุณสาวๆ ขอแนะนำผักผลไม้ 7 ชนิด สำหรับคุณผู้หญิง ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีสารที่เป็นประโยชน์แก่หญิงทุกวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม และยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย ดังนี้
ลูกพรุน (Prunes)
ลูกพรุน เป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ที่สำคัญพรุน ช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด ผู้หญิงเราเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิต คือวัยยี่สิบห้า ร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมโทรม ไขมันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ มากมาย ใบหน้าที่เคยอวบอิ่มด้วยเลือดฝาด ก็เริ่มหมองคล้ำผิวพรรณจะเป็นสีชมพู- ระเรื่อหรือซีดโทรม เกิดได้หลายสาเหตุ เช่นผิวมีความหนามากขึ้นตามวัย จนมองไม่เห็น เลือดฝาด หรือเลือดไม่มีให้ฝาด คือเป็นโรคโลหิตจางนั่นเอง พรุนเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดี พรุนแห้งหนึ่งขีดมีธาตุเหล็ก 2.78มิลลิกรัมและมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการดูดซึมธาตุต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นหากคุณผู้หญิงอยากมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ริมฝีปากแดงสดเหมือนสตรอเบอรี่ แก้มแดงใสเหมือนลูกเชอรี่ โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอางดู เป็นคนที่มีสุขภาพดีสมบูรณ์ด้วยเลือดฝาด ลองรับประทานลูกพรุนสดๆ หรือลูกพลัมดูสิค่ะไม่เลวเลยทีเดียว
ถั่ว
ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสม“ถั่วช่วยคุณได้ค่ะ ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก วิตามินบี นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่า เมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งถั่วมีอยู่แล้วมากมาย) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่ม-นานความอยากอาหารจะลดลง ซึ่งแน่นอนว่ามีประโยชน์กับคุณสุภาพสตรี ที่ต้องการลดความอ้วนเป็นอย่างมาก
บรอคโคลี่
เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับคุณสุภาพสตรีทั้งหลาย เพราะบรอคโคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติ ซึ่งเจ้าตัวซีลีเนียมนี้แหละค่ะ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ (ซีลีเนียม จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง จึงทำให้ผิวดูอ่อนวัยนุ่มนิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว ) แถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย
แอปเปิ้ล

มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ “เพคติน”แต่ที่น่าสนใจสำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือ เจ้าตัว “เพคติน”นี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดโคเลสเตอรอลหากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูก จะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาล ในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 % ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึม น้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็ว และนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้น ความอยากอาหารจึงลดลงทำให้คุณไม่รู้สึกหงุดหงิด หรือ อ่อนเพลีย แอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวัน ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้ เพราะแอปเปิ้ลมีเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ผลจากการวิจัยชี้ว่า เมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมัน และแยกโคเลสเตอรอลออกมาเสร็จสิ้นแล้ว เพคตินจากแอปเปิ้ล จะไปคอยดักจับโคเลสเตอรอลเหล่านั้น และพาไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าร่างกาย
กล้วยไข่
กล้วยทุกชนิดดีต่อสุขภาพ แต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษ ในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีนโดยธรรมชาติ เมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกาย จะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมในส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ ขณะนั้นเองมีสองสิ่งที่สำคัญเกิดขี้นในร่างกายของเรา ซึ่งก็คือ สิ่งแรก เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์จะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น สิ่งที่สองความสามารถในการซ่อมแซม ส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถ ในการจำกัดอนุมูลอิสระ ( Detoxification )ก็ลดลงอย่างน่าตกใจเช่นกัน ดังนั้น กลยุทธ์ที่คุณจะสู้กับความแก่ด้วยตนเอง ก็คือ คุณต้องรับประทานอาหาร ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระให้มาก ซึ่งสารนี้เรารู้จักในชื่อที่ เรียกว่า แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidants) ซึ่งในกล้วยไข่ 1 ขีด มีสารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม
ฝรั่ง
คุณผู้หญิงทั้งหลายทราบหรือไม่คะว่าฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง180 มิลลิกรัม วิตามินซี มีบทบาทในการสร้างคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึง ไม่แก่ก่อนวัยวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เอง ที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพ ผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซี มีความสำคัญต่อการสร้าง และบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (ConnectiveTissue) เซลล์นับล้านๆ ตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจนมันคือคอลลาเจนตัวเดียวกันกับคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเอง และเพราะฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินซีนั่นเอง คุณๆ ทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆ น่าจะลองหันมารับประทานฝรั่งเป็นประจำนะคะ
ส้ม

แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติ การรับประทานส้มโดยไม่คายกาก จะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับ คนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโต หรือโดนัทชิ้นใหญ่ ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทน จะได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่าด้วยนะคะ
ผักและผลไม้ทั้ง 7 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นสำหรับคุณๆ ผู้หญิงทุกท่านที่ต้องการรักษาสุขภาพ นอกจากผักผลไม้ทั้งเจ็ดนี้แล้ว ผักและผลไม้อื่นๆ ก็มีคุณประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สถาบันโภชนาการแห่งชาติอเมริกา จึงได้แนะนำขนาดในการรับประทานผักผลไม้ในแต่ละวันว่า ควรจะรับประทานรวมกันให้ได้ วันละครึ่งกิโล หรือ 5 ขีดจะช่วยให้คุณๆ ทั้งหลาย มีสุขภาพแข็งแรง แจ่มใส ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมารบกวนค่ะ

เคล็ดลับน่ารู้ .. เรื่องสวยๆ งามๆ


  1. กิน หวาน มากทำให้ผิวเหี่ยว จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะเมื่อร่างกายมีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว ทำให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และเหี่ยวย่น ในที่สุด

   2. การยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า จะทำให้ผิวหน้าดูสดใส จริงหรือ?
เฉลย…จริง โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้น จะทำให้โลหิต บริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้น

   3. เอาน้ำแข็งถูหน้า ก่อนนอนจะทำให้หายมันได้ จริงหรือ? เฉลย…ไม่จริง แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้โดยการใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า ทาแล้วไม่ต้องล้างออก เมือกจะแห้งไปเองภายใน ๕ - ๑๐ นาที ทำก่อนนอน แค่นี่หน้าก็จะหาย

   4. การสวมเสื้อผ้าหนาๆ เพื่อให้เหงื่อออกเยอะๆ จะทำให้ผอมเร็วจริงหรือ?
เฉลย…ไม่จริง การที่เหงื่อออกเยอะคือ ภาวะที่ร่างกายโดนความร้อนแล้วระบายความร้อนออกมา ไม่ใช่การเผาผลาญไขมันออกมา เพราะฉะนั้นพอเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะเท่า เดิม

   5. คนผิวแห้งมีโอกาส เกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะคนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือ สารไขมัน ทำให้กลไกลการปกป้องตนเองของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นคนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิวมัน

   6. การฝึกกลั้นหายใจ สามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง โดยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึงหายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำ ได้

   7. การร้องไห้ช่วยลดความอ้วนได้ จริงหรือ?
เฉลย…ไม่จริง แต่การหัวเราะต่างหากที่ช่วย เผาผลาญแคลอรีให้หมดไปได้ดีกว่าอยู่เฉยๆ ได้มากถึง 20% ซึ่งหากได้หัวเราะวันละสัก 10 -15 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานลงได้มาก ถึง 50 แคลอรี



   8. กาวตราช้าง ใช้รักษาส้นเท้าแตกได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะ เมื่อปิดหนังที่แตกด้วย กาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่ถูกรบกวน จึงมีการซ่อมแซมตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก กาวช้างก็จะหลุดออก ไป แต่ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง

   9. การเต้นรำ ทำให้ผิวสวยได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะ การเต้นรำเพียงวัน ละ 20 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพดี

   10.การใส่กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำ ทำให้ขาใหญ่ได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะช่วงขาส่วนที่อยู่นอกกระโปรง จะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะ เมื่อผิวหนังเจอความหนาวเย็น ทำให้เกิดเซลลูไลท์

   11. การแลบลิ้นให้น้ำลายยืดลงพื้น 3 หยด จะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฏิกิริยาโดยขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป

   12. ดูดนมยางของเด็กทารก ตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง การคาบหรืออมนมยางของเด็กทารก ไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดานไม่กระเทือน สั่นไหวขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรน และไม่นอนอ้าปากอีกด้วย

   13. การสูดกลิ่นตัวผู้ชาย ทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้น มีสารฟีโรโมนผสมอยู่ โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้

   14. แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ?
เฉลย…จริง เพราะแสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมนเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่ แต่ในที่มืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซาได้

   15. การฟังเพลง ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ?
เฉลย...จริง เพราะ การฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการปวดข้อลงได้



ที่มา...http://women.thaiza.com/detail_134188.html

10 สิ่งเซ็กซี่ของหญิงที่ชายมอง



10 สิ่งเซ็กซี่ของหญิงที่ชายมอง

1. สวมรองเท้าเปิดสายเล็ก ๆ อวดเท้าเปลือย

 2. ผู้หญิงที่กำลังถอดเสื้อผ้า โดยเฉพาะถ้าผู้ชายแอบเห็นแฟนสาวกำลังเปลื้องผ้าอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่รู้ ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังจ้องมองอยู่       
 3. หญิงสาวที่มีความเชื่อมั่นตนเองท่ามกลางคนแก่ๆ ทำให้เป็นที่สะดุดตา หน้าตายิ้มยวน สวมใส่เสื้อผ้าแปลกใหม่ หรือมีลักยิ้มที่แก้ม
4. ผิวพรรณนวลเนียน และผมมีสุขภาพดี มีประกายแวววาว         
 5. คุณมีอารมณ์ร่วมรักกับเขาจริง ๆ ไม่ได้เสแสร้ง        
 6. เธอพูดคุยเล่าให้เขาฟังว่าไปงานปาร์ตี้โดยไม่ได้สวมใส่เสื้อชั้นใน รับรองว่าชีพจรของเขาจะต้องเต้นเร็วขึ้นด้วยความตื่นเต้นกับจินตนาการ         
 7. ผู้หญิงที่ดื้อดึงเป็นบางครั้ง ไม่ทำตามปากคนอื่นง่าย ๆ       
 8. กลิ่นกายธรรมชาติของผู้หญิง ทำให้ผู้ชายเกิดอารมณ์อีโรติก
 9. ยอดอกที่ชูชันของผู้หญิงทำให้ผู้ชายต้องแอบเหลือบตามอง        
 10. ผู้หญิงที่ดูสวยสะอาดเหมือนผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว มีรอยตำหนิๆ นิดๆ หน่อยๆ ทำให้ดูน่ารักมีเสน่ห์ดี เช่น มีกระเล็กน้อยที่ปลายจมูก

4 สูตรหน้าใส ง่ายๆทำด้วยตนเอง



           

1. สูตรเพิ่มความสดชื่นเปล่งปลั่งให้ผิวหน้า
ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด แล้วนำแอปเปิ้ลไม่ปลอกเปลือกสัก ครึ่งผล ปั่นให้ละเอียด พอกหน้าเว้นเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออก
2. สูตรลดริ้วรอย ทำให้หน้านวลใส
นำแอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่น พอละเอียดได้ที่ก็คั้นมะนาวเอาแต่น้ำสัก 1 ช้อนชาใส่ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วพอกชโลมให้ทั่ว เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออก
3. สูตรหน้าเด้ง ไม่หยาบกร้าน
เตรียมโยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะ และมะเขือเทศลูกเล็กๆ สัก 3 ลูก ปั่นโยเกิร์ตกับมะเขือเทศให้ละเอียด แล้วนำพอกหน้าให้ทั่ว โดยเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก
4. สูตรขัดหน้าขาว และลดริ้วรอยหมองคล้ำ
ผสมโยเกิร์ต 1 ถ้วย กับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ให้เข้ากัน ชโลมให้ทั่วใบหน้า แล้วขัดๆ ถูๆ ให้ทั่ว ขัด 5 นาที ทิ้งไว้อีก 5 นาที แล้วล้างออก ทำเดือนละครั้งกำลังดี


ที่มา...http://www.ladytip.com/main/content/view/999/77/

เทรนด์แต่งหน้าบางใสสไตล์เกาหลี


ช่วงนี้ไม่ว่าจะเปิดทีวีช่องไหน หรือ หันไปเห็นเพื่อน ที่นั่งจุ้มปุ๊กดูซีรี่ส์อย่างขะมักเขม้น ก็หนีไม่พ้นซีรีส์เกาหลีกันเลยทีเดียวเชียว เรียกว่ากระแสความนิยมยังคงแรงแบบต่อเนื่อง และที่ฮอตสุดๆ จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่นางเอกซีรีส์เกาหลีแต่ละเรื่องนั่นเอง
เพราะทุกชีล้วนหน้าขาว ใส เนียน ตาแบ๊วกันสุดฤทธิ์ เพราะเทรนด์หน้าใสเหมือนไม่ได้แต่งแบบนี้เอง ทำให้อดไม่ได้ ต้องขอเมคโอเวอร์ให้สวยใสอย่างนางเอกซีรีส์เกาหลีกันซะหน่อย ไม่ยากค่ะ เรามีวิธี ^^


**อย่าลืมครีมกันแดด!!
สิ่งเดียวเท่านั้นที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ เพราะแดดประเทศไทยในเวลานี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าสาวๆ ต้องเกิดจุดอันไม่พึงประสงค์ ทั้งฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ ตามมาเป็นกระบุง ถ้าไม่อยากให้ผิวใสๆ ของเราต้องโดนทำร้ายก็ต้องไม่ลืมทาครีมกันแดดทุกวันนะคะ

**Make Up Base ตัวช่วยสำคัญเรียกความใส
เบสมหัศจรรย์ ที่เข้ามาช่วยปรับสภาพผิวให้คืนความใสปิ๊ง ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น และที่เริ่ดสุดๆ คือ ทำให้ทาแป้งได้ง่ายและติดทนนานขึ้น แถมเดี๋ยวนี้ยังสะดวกมากกว่าเดิมเพราะเบสบางยี่ห้อมีผสมกันแดดด้วยนะ ประหยัดทั้งเงิน ประหยัดทั้งเวลาได้เยอะเลย

**แก้มมีเลือดฝาดด้วยบลัชเนื้อครีม
อยากให้แก้มดูแดงใสเหมือนออกกำลังกายมานิดๆ ก็แค่เติมบลัชออนแบบเนื้อครีมเพียงเล็กน้อยบริเวณโหนกแก้ม เน้นว่าอย่าเยอะ! ให้ทาวนบางๆ ทีละนิด ดีกว่าลงหนักๆ แล้วต้องมานั่งลบเพราะเยอะไปอีกนะจ๊ะ อย่าลืมว่าต้องเลือกสีของบลัชให้เหมาะกับผิวหน้าด้วย (เลือกสีตามลิปก็ได้) แค่นี้ก็ดูเป็นสาวสุขภาพดี แก้มมีเลือดฝาดแล้วล่ะจ้า

**แป้งฝุ่นเหมาะที่ซู๊ด
หลังจากที่ลง ครีมกันแดด เบส และครีมบลัชไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาลงแป้งกันล่ะ ซึ่งผิวสาวๆ วัยมหา’ลัยเนียยังไม่ค่อยมีข้อบกพร่องอะไรมากนัก ถ้าจะให้หน้าไม่โบ๊ะโบกมากเกิน ก็ต้องใช้แป้งฝุ่นประเภทกระจายแสง ตบเบาๆ ลงบนหน้าให้ทั่ว (เช็คดีๆ อย่าให้วอกเป็นจุดๆ เชียว) แค่นี้ก็เอาอยู่

**อายแชโดว์ + อายไลเนอร์ + มาสคาร่า = ตาวิ๊ง~
ถ้าอยากให้สวยใสธรรมชาติๆ ละก็ ขอแนะนำอายแชโดว์เฉดสีชมพูน้ำตาลเนี่ย เวิร์คสุดๆ เลยจ้า ทาง่ายๆ แค่ทาสีชมพูให้ทั่วเปลือกตา และ ทาสีน้ำตาลที่ขอบตา สำหรับสาวตาเล็กก็ต้องทาให้เลยขอบขึ้นมาหน่อยนะจ๊ะ ไม่งั้นทาไปก้อหลบอยู่ข้างในมองไม่เห็นสีแน่ๆ ตบท้ายด้วยการกรีดอายไลเนอร์สีดำที่ขอบตา และปัดมาสคาร่า เลือกชนิดที่เน้นขนตาหนาๆ และเพิ่มความยาว แค่นี้ตาคู่สวยก็เด้งวิ๊งหวานในทันทีเลย

**คิ้วงามได้รูปด้วยมาสคาร่าใส
เทรนด์นี้ต้องยกให้คิ้วงามตามธรรมชาติ หมดยุคกันคิ้วโก่งๆ บางๆ แล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องทำอะไรมากมาย แค่จัดระเบียบคิ้วให้เป็นทรง จะด้วยวิธีกันหรือถอนก็ได้แล้วแต่ถนัด ^^ จากนั้นใช้มาสคาร่าสีใสๆ ป้ายให้ขึ้นรูปคิ้วสวยเท่านี้เอง

**ลิปกลอสสีหวานระเรื่อ
แค่ลิปกลอสก็พอนะจ๊ะ อย่าเลือกลิปสติกเนื้อแมทเพราะมันดูทั้งหนักและแห้ง แถมยังดูแก่เกินวัยอีกต่างหาก ควรเลือกเป็นลิปกลอส หรือ ลิปกลาสก็ได้ เลือกสีหวานๆ อย่างสีชมพูอมส้ม หรือ สีชมพูราสเบอรี่ หรือถ้าน้องๆ มีริมฝีปากที่แดงระเรื่อเป็นธรรมชาติอยู่แล้วยิ่งดีใหญ่ แค่ทาลิปบาล์มเนื้อบางใสก็เพียงพอแล้วค่ะ

เพียงเท่านี้ ก็ได้เวลาเฉิดฉายอวดใบหน้าสวยใสให้หนุ่มๆ เผลอร้องทัก “อันยองฮาเซโย” กันเลยจ้า ^o^
ที่มา..http://www.daomahalai.com/index.php?option=com_content&view=article&id=19:2009-06-17-12-30-05&catid=6:2009-06-15-05
-25-07&Itemid=12

10 เคล็ดลับ สวยธรรมชาติ



1. สตรอว์เบอร์รี่เพื่อผิวสะอาดหมดจด
ประโยชน์ : สตรอว์เบอร์รี่อุดมด้วยวิตามินและกรดเอเอชเอธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยปรับสภาพผิวและลดการอุดตันของรูขุมขนได้ดี
วิธีใช้ : ผสมสตรอว์เบอร์รี่ 2-3 ผลกับน้ำมะนาว นำมานวดให้ทั่วใบหน้า แล้วจึงล้างออก

2. ส้มเพื่อกระชับรูขุมขน
ประโยชน์ : วิตามินและกรดธรรมชาติในส้มจะช่วยสมานและกระชับผิว
วิธีใช้ : ผสมน้ำส้มสด 2-3 หยดกับน้ำแร่ จากนั้นนำสำลีมาชุบแล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้าเหมือนโทนเนอร์ทั่วไป

3. ผักกาดแก้วเพื่อผิวกระจ่างใส
ประโยชน์ : ผักกาดแก้วช่วยลดการอักเสบของผิวและช่วยให้ผิวเนียนนุ่มขึ้น
วิธีใช้ : นำผักกาดแก้ว (4 ใบ) มาต้มประมาณ 10 นาที ทิ้งให้เย็นแล้วกรองเอาแต่น้ำ จากนั้นำสำลีมาชุบน้ำที่กรองไว้ เช็ดให้ทั่วใบหน้าเหมือนโทนเนอร์ทั่วไป

4. แอปริคอตเพื่อแก้มใสเปล่งปลั่ง
ประโยชน์ : แอปริคอตอุดมด้วยวิตามินเอจึงช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง
วิธีใช้ : นำแอปริคอตสุกมาบดให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก ใช้เหมือนเจลหรือครีมมาสก์หน้าทั่วไป

5. มะนาวเพื่อปรับสภาพผิวหน้าอก
ประโยชน์ : กรดธรมชาติและสารฟลาโวนอยด์ในมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าออกและกระชับผิวให้ตึงขึ้น
วิธีใช้ : นวดหน้าอกด้วยน้ำมะนาวทุกเย็น

6. แครอตเพื่อยืดอายุผิวสีแทน
ประโยชน์ : แครอตมีสารเบต้าแคโรทีนและแอนตี้ออกซิแดนต์สูง จึงช่วยรักษาสภาพและสีผิวอยางผิวสีแทนหลังอาบแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีใช้ : ละลายวาสลีน 10 กรัม ในน้ำมันจมูกข้าวสาลี (wheat germ) ที่ตั้งไฟจนร้าน จากนั้นเติมน้ำแครอต (4 หัว) ลงไป คนให้เข้ากันแล้วรินใส่ภาชนะเก็บไว้ นำมาทาผิวกายและผิวหน้าให้ทั่ววันละ 1 ครั้งเหมือนครีมบำรุงผิวทั่วไป

7. เกลือเพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ
ประโยชน์ : เกลือมีสารไอโอดีน ทองแดง และสังกะสี ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เมื่อยล้าให้กลับมากระชับและแข็งแรงเหมือนเดิม
วิธีใช้ : ละลายเกลือทะเล 1 กำมือลงในอ่างอาบน้ำแล้วลงไปแช่ทั้งตัวหรือจะแช่เฉพาะมือและเท้าก็ได้

8. น้ำผึ้งเพื่อลดรอยคล้ำรอบดวงตา
ประโยชน์ : น้ำผึ้งมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรียและบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม
วิธีใช้ : ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนกาแฟ กับน้ำแร่งอุ่นๆ ครึ่งแก้ว จากนั้นใช้สำลีชุบแล้วนำมาวางบนผิวบริเวณรอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที

9. มันฝรั่งเพื่อลดถุงใต้ตา
ประโยชน์ : สตาร์ช (Starch) หรือสารสีขาวจำพวกคาร์โบไฮเดรตที่พบได้ในข้าว ข้าวโพด หรือมันฝรั่ง จะช่วยลดการอักเสบของผิวได้
วิธีใช้ : หั่นมันฝรั่งเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วพอกไว้หนาๆ บริเวณใต้ดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น

10. กล้วยเพื่อผมนุ่มสลวย
ประโยชน์ : กล้วยอุดมไปด้วยกลูไซด์ซึ่งช่วยบำรุงผิวรวมทั้งเส้นผมด้วย
วิธีใช้ : ผสมกล้วยสุกกับน้ำมันอัลมอนด์ 2-3 หยด นำมาชโลมให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วจึงล้างออก

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก ผู้หญิงนะคะดอทคอม

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เคล็ดลับหน้าใสด้วยผลไม้

เรียบเรียงโดย ... เยาวลักษณ์ พิพัฒน์จำเริญกุล




เอาใจคุณผู้หญิงเป็นพิเศษ ใครต้องการมีใบหน้าสวยใสไม่ควรพลาด เรามีเคล็ดลับทำหน้าใส สวยเด้งได้ง่าย ๆ

ไม่ต้องเปลืองตังค์ ไปซื้อเครื่องสำอางค์ราคาแพง ๆ คุณผู้ชายก็ใช้ได้นะ เป็นสูตรง่าย ๆ น้ำผลไม้ใกล้ ๆ ตัว มาปั่น บด ผสมผสานกันก็กลายเป็นเครื่องประทินผิวสวยได้แล้ว รับรองได้ว่าเป็นอันตรายแน่นอน


สูตรสาวหน้าใสน้ำผึ้งผสมมะนาว
ส่วนผสม มีแค่น้ำผึ้งกับน้ำมะนาว ใช้น้ำผึ้ง 1 ถ้วย กับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน นำมานวดให้ทั่วใบหน้า นวดไปเรื่อยๆ ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้มะนาว จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเช่นเดียวกับครีมที่ผสมกรด AHA ส่วนน้ำผึ้งจะทำให้ผิวหน้านุ่มและชุ่มชื้น

สูตรสาวหน้าใสด้วยแอปเปิ้ล
ใช้แอปเปิ้ล ปอกเปลือกแล้วคว้านเอาเฉพาะเนื้อ นำมาปั่นรวมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ นำมา ทาให้ทั่วใบหน้า แล้วนวดเบาๆ ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น สูตรนี้จะช่วยขจัดเซลล์ ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ทำให้ใบหน้าดูสดใสเปล่งปลั่ง อีกด้วย

สูตรกระชับรูขุมขน
ใช้กล้วยหอม แตงกวาหรือมะเขือเทศก็ได้ เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งปอกเปลือก เอาเมล็ด ออกให้หมดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เติมน้ำผึ้งหรือนมเปรี้ยวลงไป นำไปปั่นให้ละเอียด จนเป็นเนื้อ ครีม นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น สูตรนี้จะ ช่วยทำความสะอาดใบหน้า และกระชับรูขุมขนและบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น

สูตรครีมทำความสะอาดผิวหน้า (Cleanser)
ใช้โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมะนาวสด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ นำส่วนผสม 3 ชนิดผสมให้เข้ากัน นำพอกให้ทั่วหน้าประมาณ 5 นาที ทุกเช้าและก่อนนอน แล้วจึงล้างออก ด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอีกด้วย

สูตรสาวผิวแห้ง มอยเจอร์ไรเซอร์จากกล้วย
นำกล้วย 1 ผล ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ บดให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น สูตรนี้เหมาะกับผิวแห้ง

สูตรพอกหน้าใสจากแตงกวา

ใช้แตงกวา 1 ผล ไข่ไก่ 1 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่ขาว) และมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ หั่นแตงกวาเป็น ชิ้นบางๆ นำไปปั่นพร้อมกับไข่ขาวและใส่น้ำมะนาวลงไป ปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน นำมา พอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ ทุกสัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยกระชับรูขุมขน ผิวหน้าจะ ดูเนียนเรียบและชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม

เคล็ดลับที่ควรคำนึงถึง



ผลไม้ที่ใช้ต้องสด มีคุณภาพดี
ภาชนะที่ใช้ใส่ผลไม้ ส่วนผสมต่างๆ ควรใช้แก้วหรือกระเบื้อง
ก่อนทำการพอกหน้า ควรทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาด โดยการอัง ใบหน้ากับไอน้ำและนวดเบาๆ เพื่อเปิดรูขุมขน
เวลาพอกหน้าไม่ควรพูดคุยหรืออ่านหนังสือ

ผลไม้ไทย...ได้ประโยชน์

จาก กินอาหารสะอาด รสชาติอร่อย
โดย กองสุขาภิบาลอาหาร กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

ของดีของเมืองไทยนั้นมีอยู่มากมาย โดยเฉพาะผลไม้ไทย ที่ให้ทั้งประโยชน์ และคุณค่าทางโภชนาการต่อร่างกาย ในผลไม้แต่ละชนิดต่างมีรสชาติ กลิ่น และรูปร่างที่แตกต่างกัน ซึ่งผลไม้แต่ละชนิดก็จะใช้สารอาหาร แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นพลังงาน วิตามิน แร่ธาตุ น้ำ และเส้นใยอาหาร เป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย หากต้องการรับประโยชน์จากผลไม้อย่างเต็มที่ ... ควรรับประทานผลไม้สด และไม่ทิ้งไว้นาน หลังการปอก หรือหั่น หากเป็ยผลไม้ที่ผ่านกรรมวิธีถนอมอาหาร หรือนำมาเป็นขนมอบ จะทำให้ปริมาณสารอาหารลดลงได้ และถ้าจะให้ดี ต้องทานผลไม้ตามฤดูกาล เพราะผลไม้ในฤดูนั้นๆ จะออกดอกออกผลตามธรรมชาติ สามารถหาซื้อได้ง่าย และมีราคาถูก

ผลไม้ ... พลังบำบัดความสดชื่นจากธรรมชาติ การรับประทานผลไม้เป็นประจำ จะทำให้รู้สึกสดชื่น และมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว มีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวลอย่างเห็นได้ชัด ผลไม้ ... ยังเปี่ยมไปด้วยสรรคุณทรงคุณค่า ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรค และกระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย รวมไปถึงการเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย

นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของผลไม้ไทย ... ได้ประโยชน์ เห็นมั๊ยคะว่า คนไทยนั้นมีของดีอยู่มากมาย ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะนำของดีอย่าง ... ผลไม้ไทยเหล่านี้ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่างร่างกายหรือเปล่า ? คุณสมบัติของผลไม้ดีๆ ที่นอกเหนือจากรสชาติที่อร่อยนี้ หาได้ไม่ยาก ถ้าอย่างนั้น เรามาทำความรู้จักกับผลไม้ไทย ... ได้ประโยชน์กันดีกว่า

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ทายนิสัยจากผลไม้ที่ชอบ ^__^




กระท้อน คนชอบกินกระท้อน จะมีลักษณะแข็งนอกอ่อนใน ดูภายนอกเหมือนคนก้าวร้าวแต่จริงๆจิตใจดี อ่อนไหวง่าย ไม่ชอบความรุนแรง รักสงบ                                       
กล้วย   สำหรับคนที่ชอบทานกล้วย ภายนอกดูจะเป็นคนเงียบขรึม แต่นิสัยจริงๆ คืออ่อนไหวง่าย ถ้าถูกใครพูดกระทบกระแทกหน่อยก็จะเก็บเอาไปคิดเสียใจ เป็นคนโอบอ้อมอารีย์ มีเหตุผล รอบคอบ มองการณ์ไกล ชอบวางแผน อนาคตให้ตัวเองและคนที่อยู่รอบข้างเสมอ เป็นคนนิสัยรักสันโดษ ชอบศึกษาแนวความคิดที่   อิงปรัชญาเมธี เป็นคนที่มีจิตเป็นกุศล ชอบทำบุยแก่คนทุกข์ยาก                                                                          เงาะ สำหรับสาวๆ ที่ชอบกินเงาะจะเป็นคนค่อนข้างขี้เล่น สามารถทำให้คนรอบข้างมีความสุขได้ ถึงคุณน่ะขี้โม้ไปบ้างแต่เพื่อนๆ ก็ชอบในความร่าเริง สนุกสนานของคุณ
ชมพู่ สำหรับคนขี้เกรงใจ จะชอบกินชมพู่มากเป็นพิเศษ มีความอดทนสูง ยิ้มได้ในทุกสถานการณ์ แต่เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายและคิดมาก แต่ไม่ชอบที่จะทำร้ายจิตใจใครจริงๆ ดังนั้นถ้าหนุ่มคนไหน ชอบกินชมพู่เป็นพิเศษหล่ะ ก็ควรจะเอาใจเค้าให้มาก เพราะเค้าจะคิดอะไรๆ ไปในทางลบเสมอ                      
แตงโม เป็นของว่างจานโปรดสำหรับสาวใจกว้าง อ่อนโยน มีน้ำใจกับมิตรสหาย ซื่อสัตย์ไม่คิดคดทรยศ เป็นคนง่ายๆ มองโลกในแง่ดี จะไม่ค่อยโวยวายหรือคิดมาก ตั้งอกตั้งใจทำงานดี แต่มักแพ้ภัยแก่เพศตรงข้าม และคนที่ชอบกินแตงโมจะเป็นคนที่รักใคร่เอ็นดูของเพื่อนฝูงอีกด้วย
ฝรั่ง สาวๆ ที่ชอบฝรั่งมักเป็นคนรักอิสระ ชอบที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ไม่ชอบทำอะรซ้ำซากจำเจ
มะพร้าว เพื่อนๆ ที่ชอบมะพร้าวมักเป็นคนใจบุญ มีจิตเป็นกุศล มองโลกในแง่ดี วาจาคมคาย พูดจาเหน็บคนให้เจ็บด้วยใบหน้าที่ใสซื่อเก่งนักแหละ
มะละกอ  ผลไม้โปรดของคนที่มีน้ำอดน้ำทนสูง มีความคิดลุ่มลึก คิดเป็นเหตุเป็นผล วางแผนแยบยล โอบอ้อมอารีย์
มังคุด  เหมาะสำหรับคนที่เก็บเนื้อเก็บตัว ช่างฝันและมีอารมณ์โรแมนติก อ่อนไหวง่าย รักใครได้ง่าย ๆ และเก็บเอาไปนึกคิดคนเดียว แต่ไม่นานก็ลืมเอาดื้อๆ แล้วก็ไปหลงคนอื่นต่อไปเรื่อยเปื่อย พูดง่ายๆ คือเป็นผลไม้สำหรับคนเจ้าชู้ไงจ๊ะ
ลองกอง  พวกที่ยึดเอาลองกองเป็นอาหารหลัก เป็นคนรักสันโดษ ชอบเดินทาง ชอบการผจญภัยในที่ที่ตนเองไม่เคยไป อนุรักษ์นิยม
ลางสาด  สำหรับเพื่อนๆ ที่เลือกลางสาดเป็นผลไม้หลัก จะเป็นคนอนุรักษ์นิยม ยึดมั่นในแนวความคิดเก่าๆ ชอบวิถีทางที่เคยทำมาแต่ก่อน แต่เป็นคนมีเหตุผล
ลิ้นจี่  ผลไม้สำหรับคนชอบทำงานเบาๆ ไม่ต้องใช้กำลังแรงงานมากๆ แต่เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ในหน้าที่การงานเป็นอย่างดี งานนี้ถ้าอาจารย์สั่งงานมามากนัก คนชอบทานลิ้นจี่ ก็กลัวเพื่อนๆ จะลำบากน้อยกว่า เลยให้เพื่อนๆ เอางานไปช่วยทำซะหมด ตัวเองคอยชักใยอยู่เบื้องหลังสบายๆ นี่เอง
ลำไย  ผลไม้เม็ดเล็กคนชอบทาน มักเป็นคนปากหวาน ชอบประจบประแจง ใช้คำพูดยกยอคนให้หลงปลื้ม แต่มักเป็นคนชอบนินทาว่าร้ายคนอื่นลับหลัง
สตรอว์เบอรี่  ถ้าชอบทานสตรอว์เบอรี่ บอกได้เลยว่าคุณเป็นสาวคุยสนุกมีอารมณ์ขัน ทำให้คนอื่นหัวเราะได้ตลอดเวลา เป็นที่ต้องการของเพื่อนๆ ในกลุ่มและเมื่อจะพูดคุยหรือทำอะไรก็ต้องมีคนดู คนฟัง และค่อนข้างมีรสนิยมทีเดียว
สาลี่  ผลไม้คุณหนู ผู้ที่ชอบทานมักจะมีนิสัยอ่อนหวาน สุภาพ อ่อนโยน ไม่ชอบขัดใจใคร มองโลกในแง่ดี ไม่นินทาว่าร้ายใคร นอกจากนี้ยังเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี
ส้มเขียวหวาน  เห็นชอบส้มอย่างนี้เป็นคนทันสมัย หัวก้าวหน้า แต่มักมีนิสัยหึงหวงเพศตรงข้ามอยู่เนืองๆ มัธยัสถ์ รู้จักใช้จ่าย ทันสมัยไม่แพ้ใครเลยทีเดียว
ส้มโอ  น้องๆ ที่ชอบส้มโอจะเป็นคนที่รักความสบาย ความหรูหรา โอ่อ่าแบบมีการประมาณตนไม่ทำอะไรเกินตัว แต่มักเป็นคนใจอ่อนง่าย ถ้ามีใครๆ มาตื๊อก็คงยอมให้กันทุกอย่างแบบเทกระเป๋าไปเลย
สัปปะรด  ผู้ที่ชอบกินเป็นคนที่แคร์คนอื่นมากเกินไป จนมัวแต่ไปเอาใจคนอื่นเกินไป ทำให้เพื่อนๆ มักจะรำคาญและเบื่อหน่ายอยู่เสมอ
องุ่น  ผลไม้ยอดฮิตของคนสวยมีเสน่ห์ เพื่อนๆ ที่ชอบทาน มักเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับคนง่าย นิสัยร่าเริง มีความคิดความอ่านสุขุมรอบคอบ ปากกับใจไม่ค่อยตรงกันนัก แต่ซื่อสัตย์ ไม่ค่อยชอบบอกเรื่องส่วนตัวของตน ให้ใครรู้ง่ายๆ
แอปเปิ้ล  ผลไม้ของคนขี้เหงา ขาดเพื่อนไม่ได้ เป็นคนไม่ค่อยแคร์เรื่องความรัก คือ นึกจะรักใครก็รัก นึกจะเลิกก็เลิกขึ้นมาง่ายๆ แต่จะเป็นนที่มีความอดทนในเรื่องของการทำงาน เรียกว่าพอถึงกำหนดส่งการบ้าน ก็แจ้นเอางานไปวางอยู่บนโต๊ะครูซะแล้ว